พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [5.ปาจิตติยกัณฑ์] 8.สหธรรมิกวรรค 2.วิเลขนสิกขาบท อนาปัตติวาร
อนุปสัมบัน ภิกษุไม่แน่ใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
อนุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าเป็นอนุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ
อนาปัตติวาร
ภิกษุต่อไปนี้ไม่ต้องอาบัติ คือ
[442] 1. ภิกษุไม่ประสงค์จะดูหมิ่นกล่าวตามเหตุว่า นิมนต์ท่านเรียน
พระสูตร พระคาถา หรือพระอภิธรรมไปก่อน ภายหลังจึงเรียน
พระวินัย
2. ภิกษุวิกลจริต
3. ภิกษุต้นบัญญัติ
วิเลขนสิกขาบทที่ 2 จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [5.ปาจิตติยกัณฑ์] 8.สหธรรมิกวรรค 3.โมหนสิกขาบท นิทานวัตถุ
8. สหธรรมิกวรรค
3. โมหนสิกขาบท
ว่าด้วยการทำให้ผู้อื่นหลง
เรื่องพระฉัพพัคคีย์
[443] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ประพฤติไม่
สมควรแล้ว ตั้งใจอยู่ว่า ขอภิกษุทั้งหลายจงทราบว่า พวกเราต้องอาบัติเพราะ
ความไม่รู้ เมื่อภิกษุยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงอยู่ก็กล่าวอย่างนี้ว่า พวกกระผมเพิ่ง
ทราบเดี๋ยวนี้เองว่า ทราบว่า ธรรมแม้นี้มาในพระสูตร1 อยู่ในพระสูตร มีการยกขึ้น
แสดงทุกกึ่งเดือน
บรรดาภิกษุผู้มักน้อย ฯลฯ พากันตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า ไฉน
พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ เมื่อภิกษุยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงอยู่ จึงกล่าวอย่างนี้ว่า พวก
กระผมเพิ่งทราบเดี๋ยวนี้เองว่า ทราบว่า ธรรมแม้นี้มาในพระสูตร อยู่ในพระสูตร
มีการยกขึ้นแสดงทุกกึ่งเดือน ครั้นภิกษุทั้งหลายตำหนิพวกภิกษุฉัพพัคคีย์โดย
ประการต่าง ๆ แล้วจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
ทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง
สอบถามพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ว่า ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า พวกเธอ เมื่อภิกษุยก
ปาติโมกข์ขึ้นแสดงอยู่ ก็กล่าวอย่างนี้ว่า พวกกระผมเพิ่งทราบเดี๋ยวนี้เองว่า ทราบว่า
ธรรมแม้นี้มาในพระสูตร อยู่ในพระสูตร มีการยกขึ้นแสดงทุกกึ่งเดือน จริงหรือ
พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรง
เชิงอรรถ :
1 คำว่า ธรรม หมายถึงสิกขาบท คำว่า พระสูตร หมายถึงพระปาติโมกข์