พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [5.ปาจิตติยกัณฑ์] 6.สุราปานวรรค 9.วิกัปปนสิกขาบท อนาปัตติวาร
ติกทุกกฏ
ภิกษุอธิษฐานหรือสละ ต้องอาบัติทุกกฏ
จีวรปัจจุทธรณ์แล้ว ภิกษุสำคัญว่ายังไม่ได้ปัจจุทธรณ์ ต้องอาบัติทุกกฏ
จีวรปัจจุทธรณ์แล้ว ภิกษุไม่แน่ใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
จีวรปัจจุทธรณ์แล้ว ภิกษุสำคัญว่าปัจจุทธรณ์แล้ว ไม่เป็นอาบัติ
อนาปัตติวาร
ภิกษุต่อไปนี้ไม่ต้องอาบัติ คือ
[376] 1. ภิกษุใช้สอยจีวรที่ผู้รับวิกัปคืนให้หรือใช้สอยจีวรด้วยความคุ้น
เคยกับภิกษุผู้รับวิกัป
2. ภิกษุวิกลจริต
3. ภิกษุต้นบัญญัติ
วิกัปปนสิกขาบทที่ 9 จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [5.ปาจิตติยกัณฑ์] 6.สุราปานวรรค 10.จีวรอปนิธานสิกขาบท นิทานวัตถุ
6. สุราปานวรรค
10. จีวรอปนิธานสิกขาบท
ว่าด้วยการซ่อนจีวร
เรื่องพระสัตตรสวัคคีย์
[377] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์ไม่เก็บ
บริขาร พวกภิกษุฉัพพัคคีย์จึงเอาบาตรบ้าง จีวรบ้างของพวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์ไป
ซ่อน พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์ได้กล่าวกับพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ดังนี้ว่า ท่านทั้งหลาย
พวกท่านโปรดคืนบาตรบ้างจีวรบ้างให้แก่พวกเราเถิด พวกภิกษุฉัพพัคคีย์พากัน
หัวเราะ พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์พากันร้องไห้
ภิกษุทั้งหลายถามว่า พวกท่านร้องไห้ทำไม
พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์กล่าวว่า ท่านทั้งหลาย พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เอาบาตร
บ้าง จีวรบ้างของพวกกระผมไปซ่อน
บรรดาภิกษุผู้มักน้อย ฯลฯ พากันตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า ไฉนพวก
ภิกษุฉัพพัคคีย์จึงเอาบาตรบ้าง จีวรบ้างของภิกษุทั้งหลายไปซ่อนเล่า ครั้นภิกษุ
เหล่านั้นตำหนิพวกภิกษุฉัพพัคคีย์โดยประการต่าง ๆ แล้วจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูล
พระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
ทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง
สอบถามพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ว่า ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า พวกเธอเอาบาตรบ้าง
จีวรบ้างของภิกษุทั้งหลายไปซ่อน จริงหรือ พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง
พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคทรงตำหนิว่า ฯลฯ โมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉนเธอ
จึงเอาบาตรบ้าง จีวรบ้างของพวกภิกษุไปซ่อนเล่า โมฆบุรุษทั้งหลาย การกระทำ