เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เวรัญชกัณฑ์

ต่อมา พวกพ่อค้าม้าชาวเมืองอุตตราบถ มีม้าอยู่ประมาณ 500 ตัว เข้าพัก
แรมช่วงฤดูฝนในเมืองเวรัญชา พวกเขาตระเตรียมข้าวนึ่ง1 เพื่อถวายพระภิกษุรูปละ
ประมาณ 1 ทะนานไว้ที่คอกม้า รุ่งเช้า ภิกษุทั้งหลายครองอันตรวาสก ถือบาตรและ
จีวรไปบิณฑบาตในเมืองเวรัญชา บิณฑบาตไม่ได้เลย จึงไปที่คอกม้า รับข้าวนึ่งรูป
ละประมาณ 1 ทะนาน นำไปตำให้ละเอียดแล้วฉัน ส่วนพระอานนท์บดข้าวนึ่งประมาณ
1 ทะนานบนหินบดแล้วน้อมเข้าไปถวายพระผู้มีพระภาค พระองค์เสวยข้าวนั้น

พุทธประเพณี

พระผู้มีพระภาคได้ทรงสดับเสียงครก พระตถาคตเจ้าทั้งหลายทรงทราบเรื่อง
ตรัสถามก็มี ไม่ตรัสถามก็มี ทรงทราบกาลอันควร ตรัสถามก็มี ไม่ตรัสถามก็มี ตรัส
ถามเรื่องที่เป็นประโยชน์ ไม่ตรัสถามเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ เพราะพระตถาคตเจ้า
ทั้งหลายทรงขจัดเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์เสียด้วยอริยมรรคแล้ว พระผู้มีพระภาค
พุทธเจ้าทั้งหลายสอบถามภิกษุทั้งหลายด้วยเหตุ 2 ประการ คือ จะทรงแสดงธรรม
อย่างหนึ่ง จะทรงบัญญัติสิกขาบทแก่พระสาวกอย่างหนึ่ง
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกพระอานนท์มารับสั่งถามว่า “นั่นเสียง
ครกใช่ไหม อานนท์”
พระอานนท์จึงกราบทูลเรื่องนั้นให้ทรงทราบ
“อานนท์ ดีแล้วๆ พวกเธอเป็นสัตบุรุษ ชนะได้เด็ดขาดแล้ว ข้าวสาลีเจือ
ด้วยเนื้อเพื่อนพรหมจารีในภายหลังจะพากันดูหมิ่น”2

เชิงอรรถ :
1 ปูลกํ นาม นิตฺถุสํ กตฺวา ฯเปฯ ที่ชื่อว่า ข้าวนึ่ง ได้แก่ ข้าวสารเหนียวที่เอาแกลบออกแล้วนึ่งเก็บไว้ จะ
เรียกว่า ข้าวตาก ก็ได้ พวกพ่อค้านิยมนำติดตัวไปในเวลาเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง เพื่อเป็นอาหารม้า
ในถิ่นที่อาหารม้าหายาก (วิ.อ. 1/16/179)
2 ในอนาคต เพื่อนพรหมจารีในภายหลัง เช่นพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ จักดูหมิ่นข้าวสุกเจือด้วยเนื้อที่
เขาถวายเพราะความเลื่อมใสในข้อปฏิบัติของพวกเธอ ซึ่งทำได้ยากที่เมืองเวรัญชา (วิ.อ. 1/16/184-5,
สารตฺถ.ฏีกา 1/16/539)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 1 หน้า :9 }