เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 2 พระบัญญัติ

บ้าง เนรเทศบ้าง บริภาษว่า “เจ้าเป็นโจร เจ้าเป็นคนพาล เจ้าเป็นคนหลง เจ้า
เป็นขโมย” ดังนี้ เพราะถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของมิได้ให้เช่นใด ภิกษุผู้ถือเอา
ทรัพย์ที่เจ้าของมิได้ให้เช่นนั้น แม้ภิกษุนี้เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้
สิกขาบทนี้พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้แก่ภิกษุทั้งหลายอย่างนี้

เรื่องพระธนิยกุมภการบุตร จบ

เรื่องพวกภิกษุฉัพพัคคีย์

[90] ครั้นต่อมา พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ไปลานตากผ้าของช่างย้อมผ้า แล้วพา
กันลักห่อผ้ากลับมาวัด แบ่งกัน
ภิกษุทั้งหลายกล่าวอย่างนี้ว่า “พวกท่านมีบุญมาก จีวรจึงเกิดขึ้นแก่พวก
ท่านมาก”
พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ ตอบว่า “พวกผมจะมีบุญมาจากไหนกัน พวกผมไปลาน
ตากผ้าของช่างย้อมแล้ว ได้ลักห่อผ้าของช่างย้อมมาเดี๋ยวนี้เอง”
ภิกษุทั้งหลายจึงท้วงติงว่า “ท่าน พระผู้มีพระภาคได้ทรงบัญญัติสิกขาบท
ไว้แล้วมิใช่หรือ เหตุไร พวกท่านจึงลักห่อผ้าของช่างย้อมมาเล่า”
พวกภิกษุฉัพพัคคีย์กล่าวแย้งว่า “จริง ท่านทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคได้
ทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว แต่สิกขาบทนั้นใช้เฉพาะในบ้าน ไม่ใช่ในป่า”
ภิกษุเหล่านั้นกล่าวว่า “พระบัญญัตินั้นใช้ได้เหมือนกันทั้งในบ้านและในป่ามิ
ใช่หรือ การกระทำของท่านไม่สมควร ไม่คล้อยตาม ไม่เหมาะสม ไม่ใช่กิจของสมณะ
ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำเลย ไฉน พวกท่านจึงลักห่อผ้าของช่างย้อมมาเล่า การกระทำ
อย่างนี้ มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส หรือทำคนที่เลื่อมใสอยู่แล้วให้เลื่อมใส
ยิ่งขึ้นได้เลย ที่จริง กลับจะทำให้คนที่ไม่เลื่อมใสก็ไม่เลื่อมใสไปเลย คนที่เลื่อมใสอยู่
แล้วบางพวกก็จะกลายเป็นอื่นไป”
ครั้นภิกษุเหล่านั้นตำหนิพวกภิกษุฉัพพัคคีย์โดยประการต่าง ๆ แล้วจึงนำ
เรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 1 หน้า :79 }


พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 2 สิกขาบทวิภังค์

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง
สอบถามพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า พวกเธอลักห่อผ้าของช่าง
ย้อม จริงหรือ” พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า” พระผู้มีพระ
ภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิว่า “โมฆบุรุษทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอไม่สมควร
ฯลฯ ไม่ควรทำเลย โมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉนพวกเธอจึงลักห่อผ้าของช่างย้อมมาเล่า
โมฆบุรุษทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส ฯลฯ”
ครั้นตำหนิพวกภิกษุฉัพพัคคีย์โดยประการต่างๆ แล้วจึงตรัสโทษแห่งความเป็นผู้เลี้ยง
ยาก ฯลฯ คุณแห่งการปรารภความเพียร แล้วทรงแสดงธรรมีกถาแก่ภิกษุทั้งหลาย
ให้เหมาะสมกับเรื่องนั้นแล้วจึงรับสั่งให้ภิกษุทั้งหลายยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงดังนี้

พระอนุบัญญัติ

[91] อนึ่ง ภิกษุใดถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของมิได้ให้โดยส่วนแห่งจิตคิดจะ
ลัก จากหมู่บ้านก็ตาม จากป่าก็ตาม มีมูลค่าเท่ากับอัตราโทษที่พระราชาทั้ง
หลายจับโจรได้แล้ว ประหารบ้าง จองจำบ้าง เนรเทศบ้าง บริภาษว่า “เจ้าเป็นโจร
เจ้าเป็นคนพาล เจ้าเป็นคนหลง เจ้าเป็นขโมย” ดังนี้ เพราะถือเอาทรัพย์ที่
เจ้าของมิได้ให้เช่นใด ภิกษุผู้ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของมิได้ให้เช่นนั้น แม้ภิกษุนี้ก็
เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้

เรื่องพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ จบ

สิกขาบทวิภังค์

[92] คำว่า อนึ่ง...ใด คือ ผู้ใด ผู้เช่นใด ฯลฯ นี้ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
อนึ่ง... ใด
คำว่า ภิกษุ มีอธิบายว่า ชื่อว่า ภิกษุ เพราะเป็นผู้ขอ ฯลฯ นี้ที่พระผู้มีพระ
ภาคทรงประสงค์เอาว่า ภิกษุ ในความหมายนี้
ที่ชื่อว่า หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านมีกระท่อม 1 หลังบ้าง หมู่บ้านมีกระท่อม 2
หลังบ้าง หมู่บ้านมีกระท่อม 3 หลังบ้าง หมู่บ้านมีกระท่อม 4 หลังบ้าง หมู่บ้านมี