เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [3. อนิยตกัณฑ์] 2. ทุติยอนิยตสิกขาบท บทภาชนีย์

“อาตมานอนจริง แต่ไม่ได้พูดเกี้ยวมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบ” พึงปรับอาบัติเพราะ
นอน ฯลฯ “อาตมาไม่ได้นอน แต่นั่งอยู่” พึงปรับอาบัติเพราะนั่ง ฯลฯ “อาตมาไม่
ได้นอน แต่ยืนอยู่” ไม่พึงปรับอาบัติ

เห็นนั่งในที่ลับ

[456] ถ้าอุบาสิกานั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ดิฉันเห็นพระคุณเจ้านั่งในที่ลับกับ
มาตุคามสองต่อสอง” และภิกษุนั้นก็ยอมรับการนั่ง พึงปรับอาบัติเพราะนั่ง ฯลฯ
“อาตมาไม่ได้นั่ง แต่นอนอยู่” พึงปรับอาบัติเพราะนอน ฯลฯ “อาตมาไม่ได้นั่ง แต่
ยืนอยู่” ไม่พึงปรับอาบัติ

เห็นนอนในที่ลับ

ถ้าอุบาสิกานั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ดิฉันเห็นพระคุณเจ้านอนในที่ลับกับมาตุคาม
สองต่อสอง” และภิกษุนั้นยอมรับการนอน พึงปรับอาบัติเพราะนอน ฯลฯ “อาตมา
ไม่ได้นอน แต่นั่งอยู่” พึงปรับอาบัติเพราะนั่ง ฯลฯ “อาตมาไม่ได้นอน แต่ยืนอยู่”
ไม่พึงปรับอาบัติ
คำว่า แม้นี้ พระผู้มีพระภาคตรัสเทียบสิกขาบทก่อน
คำว่า อนิยต คือ ไม่แน่ว่าจะเป็นสังฆาทิเสส หรือเป็นปาจิตตีย์
[457] ภิกษุยอมรับการไป ยอมรับการนั่ง ยอมรับอาบัติ พึงปรับตาม
อาบัติ
ภิกษุยอมรับการไป ไม่ยอมรับการนั่ง ยอมรับอาบัติ พึงปรับตามอาบัติ
ภิกษุยอมรับการไป ยอมรับการนั่ง ไม่ยอมรับอาบัติ พึงปรับอาบัติเพราะ
การนั่ง
ภิกษุยอมรับการไป ไม่ยอมรับการนั่ง ไม่ยอมรับอาบัติ ไม่พึงปรับอาบัติ
ภิกษุไม่ยอมรับการไป ยอมรับการนั่ง ยอมรับอาบัติ พึงปรับตามอาบัติ
ภิกษุไม่ยอมรับการไป ไม่ยอมรับการนั่ง ยอมรับอาบัติ พึงปรับตามอาบัติ