พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [2. สังฆาทิเสสกัณฑ์] 13. กุลทูสกสิกขาบท นิทานวัตถุ
บ้าง หัดขี่รถบ้าง หัดยิงธนูบ้าง หัดเพลงอาวุธบ้าง วิ่งผลัดช้างบ้าง วิ่งผลัดม้าบ้าง วิ่ง
ผลัดรถบ้าง วิ่งขับกันบ้าง วิ่งเปี้ยวบ้าง ผิวปากบ้าง ปรบมือบ้าง ปล้ำกันบ้าง ชก
มวยบ้าง ปูลาดผ้าสังฆาฏิท่ามกลางเวทีเต้นรำแล้วพูดกับหญิงฟ้อนรำอย่างนี้ว่า
น้องหญิง เธอจงฟ้อนรำในที่นี้ดังนี้แล้ว ให้การคำนับบ้าง ประพฤติไม่เหมาะสม
ต่าง ๆ บ้าง ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส
ฯลฯ คนที่เลื่อมใสอยู่แล้วบางพวกก็จะกลายเป็นอื่นไป
รับสั่งให้ทำปัพพาชนียกรรม
พระผู้มีพระภาคทรงตำหนิภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะโดยประการต่าง ๆ
แล้วรับสั่งเรียกพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะมาตรัสว่า ไปเถิด สารีบุตร
โมคคัลลานะ เธอทั้งสองจงไปกีฏาคิรีชนบท จงทำปัพพาชนียกรรม1 ภิกษุชื่อว่า
อัสสชิและปุนัพพสุกะไปจากกีฏาคีรีชนบท เพราะภิกษุพวกนั้นเป็นสัทธิวิหาริกของ
เธอทั้งสอง
พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า พระพุทธเจ้าข้า ข้า
พระพุทธเจ้าจะทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะได้อย่างไร
เพราะพวกเธอดุร้าย หยาบคาย
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น เธอจงไปกับภิกษุหลายๆ รูป
พระเถระทั้งสอง ทูลรับสนองพระพุทธดำรัสแล้ว
วิธีทำปัพพาชนียกรรม และกรรมวาจาทำปัพพาชนียกรรม
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย พึงทำปัพพาชนียกรรมอย่างนี้ เริ่ม
ด้วยพึงโจทภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะ ครั้นแล้วให้พวกเธอให้การ เมื่อพวกเธอ
ให้การแล้วจึงปรับอาบัติ ครั้นปรับอาบัติแล้ว ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้
สงฆ์ทราบว่า
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [2. สังฆาทิเสสกัณฑ์] 13. กุลทูสกสิกขาบท นิทานวัตถุ
[434] ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะ
2 รูปนี้ ประทุษร้ายตระกูล1 ประพฤติเลวทราม ความประพฤติเลวทรามของพวกเธอ
เขาได้เห็นและได้ยินกันทั่ว และตระกูลทั้งหลายที่ถูกพวกเธอประทุษร้าย เขาก็ได้เห็น
และได้ยินกันทั่ว ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วก็พึงทำปัพพาชนียกรรมภิกษุชื่อว่าอัสสชิและ
ปุนัพพสุกะไปจากกีฏาคิรีชนบทโดยประกาศว่า ภิกษุชื่ออัสสชิและปุนัพพสุกะไม่พึง
อยู่ในกีฏาคิรีชนบท นี่เป็นญัตติ
ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะประทุษ
ร้ายตระกูล ประพฤติเลวทราม ความประพฤติของพวกเธอ เขาได้เห็นและได้ยินกันทั่ว
และตระกูลทั้งหลายที่ถูกพวกเธอประทุษร้าย เขาก็ได้เห็นและได้ยินกันทั่ว สงฆ์ทำ
ปัพพาชนียกรรมพวกเธอไปจากกีฏาคิรีชนบทโดยประกาศว่า ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและ
ปุนัพพสุกะ ไม่พึงอยู่ในกีฏาคิรีชนบท ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการทำปัพพาชนียกรรม
ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะไปจากกีฏาคิรีชนบทโดยประกาศว่า ภิกษุชื่อว่า
อัสสชิและปุนัพพสุกะไม่พึงอยู่ในกีฏาคิรีชนบท ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็น
ด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง
แม้ครั้งที่ 2 ฯลฯ แม้ครั้งที่ 3 ข้าพเจ้าก็กล่าวความนี้ว่า ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์
จงฟังข้าพเจ้า ฯลฯ ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง
ปัพพาชนียกรรม ไปจากกีฏาคิรีชนบท สงฆ์ทำแล้วแก่ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและ
ปุนัพพสุกะโดยประกาศว่า ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะไม่พึงอยู่ในกีฏาคิรีชนบท
สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือเอาความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้
[435] ลำดับนั้น ภิกษุสงฆ์มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นประธาน
เดินทางไปกีฏาคิรีชนบท ได้ทำปัพพาชนียกรรมภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะไป
จากกีฏาคิรีชนบทโดยประกาศว่า ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะไม่พึงอยู่ใน
กีฏาคิรีชนบท