เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [2. สังฆาทิเสสกัณฑ์] 9. ทุติยทุฎฐโทสสิกขาบท สิกขาบทวิภังค์

[401] ชื่อว่า เลศคือจีวร อธิบายว่า ภิกษุผู้โจทก์ ได้เห็นภิกษุผู้ใช้ผ้า
บังสุกุล ฯลฯ เห็นภิกษุผู้ใช้ผ้าคหบดี ต้องอาบัติปาราชิก ครั้นได้เห็นภิกษุอีกรูปหนึ่ง
ผู้ใช้ผ้าคหบดีจึงโจทว่า ข้าพเจ้าได้เห็นภิกษุผู้ใช้ผ้าของคหบดีต้องอาบัติปาราชิกแล้ว
ท่านไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายศากยบุตร ฯลฯ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุกๆ คำพูด
[402] ชื่อว่า เลศคือพระอุปัชฌาย์ อธิบายว่า ภิกษุผู้โจทก์ได้เห็นภิกษุผู้
เป็นสัทธิวิหาริกของพระอุปัชฌาย์ชื่อนี้ ต้องอาบัติปาราชิก ครั้นเห็นภิกษุอีกรูปหนึ่ง
ผู้เป็นสัทธิวิหาริกของพระอุปัชฌาย์ชื่อนี้จึงโจทว่า ข้าพเจ้าเห็นภิกษุผู้เป็นสัทธิวิหาริก
ของพระอุปัชฌาย์ชื่อนี้ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสาย
ศากยบุตร ฯลฯ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุกๆ คำพูด
[403] ชื่อว่า เลศคืออาจารย์ อธิบายว่า ภิกษุผู้โจทก์ได้เห็นภิกษุผู้เป็น
อันเตวาสิกของพระอาจารย์ชื่อนี้ต้องอาบัติปาราชิก ครั้นเห็นภิกษุอีกรูปหนึ่งผู้เป็น
อันเตวาสิกของพระอาจารย์ชื่อนี้ จึงโจทว่า ข้าพเจ้าเห็นภิกษุผู้เป็นอันเตวาสิกของ
พระอาจารย์ชื่อนี้ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายศากยบุตร
ฯลฯ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุกๆ คำพูด
[404] ชื่อว่า เลศคือเสนาสนะ อธิบายว่า ภิกษุผู้โจทก์ได้เห็นภิกษุอยู่ใน
เสนาสนะชื่อนี้ ต้องอาบัติปาราชิก ครั้นเห็นภิกษุอีกรูปหนึ่งอยู่ในเสนาสนะชื่อนี้จึง
โจทว่า “ข้าพเจ้าเห็นภิกษุผู้อยู่ในเสนาสนะชื่อนี้ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็น
สมณะ ไม่เป็นเชื้อสายศากยบุตร ท่านร่วมอุโบสถ ปวารณาหรือสังฆกรรมไม่ได้”
ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุกๆ คำพูด

สิกขาบทวิภังค์

[405] คำว่า ด้วยอาบัติปาราชิก คือ ด้วยอาบัติปาราชิก 4 ข้อใดข้อหนึ่ง
คำว่า ใส่ความ ได้แก่ โจทเอง หรือสั่งให้ผู้อื่นโจท
คำว่า ทำอย่างไรจึงจะให้ภิกษุนั้นพ้นจากพรหมจรรย์นี้ได้ ความว่า ให้พ้น
จากความเป็นภิกษุ ให้พ้นจากสมณธรรม ให้พ้นจากศีลขันธ์ ให้พ้นจากคุณคือตบะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 1 หน้า :436 }


พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [2. สังฆาทิเสสกัณฑ์] 9. ทุติยทุฎฐโทสสิกขาบท บทภาชนีย์

คำว่า ครั้นสมัยต่อจากนั้น ความว่า ล่วงขณะ ลยะ ครู่ที่ภิกษุถูกใส่ความไป
แล้ว
คำว่า อันผู้ใดผู้หนึ่งโจทก็ตาม คือ จะมีผู้เชื่อถือตามเรื่องที่ทำให้ภิกษุนั้นถูก
ใส่ความก็ตาม
คำว่า ไม่โจทก็ตาม คือ ไม่มีใครๆ กล่าวถึงภิกษุนั้น
ชื่อว่า อธิกรณ์ ได้แก่ อธิกรณ์ 4 อย่างคือ วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์
อาปัตตาธิกรณ์ และกิจจาธิกรณ์
คำว่า อ้างเอาบางส่วน...เป็นเลศ คือ ถือเอาเลศ 10 อย่างนั้น อย่างใด
อย่างหนึ่ง
คำว่า และภิกษุยอมรับผิด ความว่า ภิกษุนั้นยอมรับว่า “ข้าพเจ้าพูดคำไร้
ประโยชน์ พูดเท็จ พูดไม่จริง ไม่รู้จึงพูด”
คำว่า สังฆาทิเสส ความว่า สำหรับอาบัตินั้น สงฆ์เท่านั้นให้ปริวาส ฯลฯ
เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสเรียกว่า “เป็นสังฆาทิเสส”

บทภาชนีย์
เอเกกมูลจักร
โจทภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

[406] ภิกษุผู้โจทก์ได้เห็นภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสส มีความเห็นอาบัติ
สังฆาทิเสสว่าเป็นอาบัติสังฆาทิเสส ถ้าเธอโจทภิกษุนั้นด้วยอาบัติปาราชิกว่า “ท่าน
ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายศากยบุตร ท่านร่วมอุโบสถ ปวารณาหรือสังฆกรรม
ไม่ได้” แม้อย่างนี้ อธิกรณ์นั้นย่อมเป็นข้ออื่น และเธออ้างเอาเป็นเลศ ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสส ทุก ๆ คำพูด
ภิกษุผู้โจทก์ได้เห็นภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่มีความเห็นอาบัติ
สังฆาทิเสสว่าเป็นอาบัติถุลลัจจัย ถ้าเธอโจทภิกษุนั้นด้วยอาบัติปาราชิกว่า “ท่านไม่
เป็นสมณะ ฯลฯ” แม้อย่างนี้ อธิกรณ์นั้นย่อมเป็นอาบัติข้ออื่นและเธออ้างเอาเป็นเลศ
ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุก ๆ คำพูด