เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [2. สังฆาทิเสสกัณฑ์] 8. ปฐมทุฎฐโทสสิกขาบท บทภาชนีย์

ศากยบุตร ท่านร่วมอุโบสถ ปวารณาหรือสังฆกรรมไม่ได้” ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
ทุกๆ คำพูด

ไม่นึกสงสัย โจทว่านึกสงสัย

ภิกษุผู้โจทก์ไม่ได้นึกสงสัยว่า ภิกษุต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ถ้าโจทภิกษุนั้น
ว่า “ข้าพเจ้านึกสงสัยว่าท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อ
สายศากยบุตร ท่านร่วมอุโบสถ ปวารณาหรือสังฆกรรมไม่ได้” ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสสทุกๆ คำพูด

ไม่เห็น โจทว่าได้เห็นและได้ยิน

ภิกษุผู้โจทก์ไม่ได้เห็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก ถ้าโจทภิกษุนั้นว่า “ข้าพเจ้า
เห็นและได้ยินว่าท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสาย
ศากยบุตร ท่านร่วมอุโบสถ ปวารณาหรือสังฆกรรมไม่ได้” ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
ทุกๆ คำพูด

ไม่เห็น โจทว่าได้เห็นและนึกสงสัย

ภิกษุผู้โจทก์ไม่ได้เห็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก ถ้าโจทภิกษุนั้นว่า “ข้าพเจ้าได้
เห็นและนึกสงสัยว่าท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ ฯลฯ” ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสสทุกๆ คำพูด

ไม่เห็น โจทว่าได้เห็น ได้ยิน และนึกสงสัย

ภิกษุผู้โจทก์ไม่ได้เห็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก ถ้าโจทภิกษุนั้นว่า “ข้าพเจ้าได้
เห็น ได้ยินและนึกสงสัยว่าท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ ฯลฯ”
ต้องอาบัติสังฆาทิเสสทุกๆ คำพูด

ไม่ได้ยิน โจทว่าได้ยินและนึกสงสัย

ภิกษุผู้โจทก์ไม่ได้ยินว่าภิกษุต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ถ้าโจทภิกษุนั้นว่า
“ข้าพเจ้าได้ยิน และนึกสงสัยว่าท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ ฯลฯ”
ต้องอาบัติสังฆาทิเสสทุกๆ คำพูด


พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [2. สังฆาทิเสสกัณฑ์] 8. ปฐมทุฎฐโทสสิกขาบท บทภาชนีย์

ไม่ได้ยิน โจทว่าได้ยินและได้เห็น

ภิกษุผู้โจทก์ไม่ได้ยินว่าภิกษุต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ถ้าโจทภิกษุนั้นว่า “ข้าพเจ้า
ได้ยินและได้เห็น ท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ ฯลฯ” ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสสทุกๆ คำพูด

ไม่ได้ยิน โจทว่าได้ยิน นึกสงสัย และได้เห็น

ภิกษุผู้โจทก์ไม่ได้ยินว่าภิกษุต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ถ้าโจทภิกษุนั้นว่า
“ข้าพเจ้าได้ยิน นึกสงสัยและได้เห็น ท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ
ฯลฯ” ต้องอาบัติ สังฆาทิเสสทุกๆ คำพูด

ไม่นึกสงสัย โจทว่านึกสงสัยและได้เห็น

ภิกษุผู้โจทก์ไม่ได้นึกสงสัยว่า ภิกษุต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ถ้าโจทภิกษุนั้นว่า
“ข้าพเจ้านึกสงสัยและได้เห็น ท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ ฯลฯ”
ต้องอาบัติสังฆาทิเสสทุกๆ คำพูด

ไม่นึกสงสัย โจทว่านึกสงสัยและได้ยิน

ภิกษุผู้โจทก์ไม่ได้นึกสงสัยว่า ภิกษุต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ถ้าโจทภิกษุนั้นว่า
“ข้าพเจ้านึกสงสัยและได้ยินว่าท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ ฯลฯ”
ต้องอาบัติสังฆาทิเสสทุกๆ คำพูด

ไม่นึกสงสัย โจทว่านึกสงสัย ได้เห็นและได้ยิน

ภิกษุผู้โจทก์ไม่ได้นึกสงสัยว่า ภิกษุต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ถ้าโจทภิกษุนั้นว่า
“ข้าพเจ้านึกสงสัย ได้เห็นและได้ยินว่า ท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ท่านไม่เป็นสมณะ
ฯลฯ” ต้องอาบัติสังฆาทิเสสทุกๆ คำพูด

ได้เห็น โจทว่าได้ยิน

ภิกษุผู้โจทก์ได้เห็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก ถ้าโจทภิกษุนั้นว่า “ข้าพเจ้าได้ยิน
ว่า ท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ฯลฯ” ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุกๆ คำพูด