เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [2. สังฆาทิเสสกัณฑ์] 7. วิหารการสิกขาบท อนาปัตติวาร

วิหารผู้อื่นสร้างค้างไว้ ภิกษุสร้างต่อจนสำเร็จด้วยตนเอง ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
วิหารผู้อื่นสร้างค้างไว้ ภิกษุใช้ผู้อื่นสร้างต่อจนสำเร็จ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

อนาปัตติวาร

ภิกษุต่อไปนี้ไม่ต้องอาบัติ คือ
[379] 1. ภิกษุสร้างเงื้อมผามีประตู
2. ภิกษุตบแต่งถ้ำ
3. ภิกษุสร้างกุฎีหญ้า
4. ภิกษุสร้างวิหารเพื่อภิกษุอื่น
5. ภิกษุสร้างอาคารนอกจากนั้น ยกเว้นอาคารที่พักของตน
6. ภิกษุวิกลจริต
7. ภิกษุต้นบัญญัติ

วิหารการสิกขาบทที่ 7 จบ


พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [2. สังฆาทิเสสกัณฑ์] 8. ปฐมทุฎฐโทสสิกขาบท นิทานวัตถุ

8. ปฐมทุฏฐโทสสิกขาบท
ว่าด้วยภิกษุขัดเคืองมีโทสะ สิกขาบทที่ 1
เรื่องพระทัพพมัลลบุตร

[380] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน สถาน
ที่ให้เหยื่อกระแต เขตกรุงราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระทัพพมัลลบุตร บรรลุอรหัตตผล
เมื่ออายุ 7 ขวบ คุณวิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งที่พระสาวกพึงบรรลุ ท่านก็ได้บรรลุแล้ว
ทั้งหมด ไม่มีกิจอะไร ๆ ที่จะพึงทำยิ่งกว่านี้ หรือกิจที่ทำเสร็จแล้วซึ่งจะทำเพิ่มเติม
อีกก็ไม่มี
ต่อมา ท่านพระทัพพมัลลบุตรหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด เกิดความคิดคำนึง
อย่างนี้ว่า เราได้บรรลุอรหัตผลเมื่ออายุ 7 ขวบ คุณวิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งที่พระ
สาวกพึงบรรลุ เราก็ได้บรรลุแล้วทั้งหมด ไม่มีกิจอะไร ๆ ที่จะพึงทำยิ่งกว่านี้ หรือกิจ
ที่ทำเสร็จแล้วซึ่งจะทำเพิ่มเติมอีกก็ไม่มี เราควรช่วยอะไรสงฆ์ได้บ้าง
ลำดับนั้น ท่านตกลงใจว่า “ถ้ากระไร เราควรจัดแจงเสนาสนะและแจก
ภัตตาหารแก่สงฆ์” ครั้นออกจากที่หลีกเร้นในเวลาเย็น ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ครั้นถึงแล้วได้ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่งลง ณ ที่สมควรแล้วได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด
มีความคิดอย่างนี้ว่า ‘เราได้บรรลุอรหัตตผลเมื่ออายุ 7 ขวบ ฯลฯ หรือกิจที่ทำ
เสร็จแล้วซึ่งจะทำเพิ่มเติมอีกก็ไม่มี เราควรช่วยอะไรสงฆ์ได้บ้าง’ พระพุทธเจ้าข้า
ถ้ากระไร ข้าพระพุทธเจ้า พึงจัดแจงเสนาสนะและแจกภัตตาหารแก่สงฆ์ ข้าพระ
พุทธเจ้าปรารถนาจะจัดแจงเสนาสนะและแจกภัตตาหารแก่สงฆ์”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ดีแล้ว ดีแล้ว ทัพพะ ถ้าอย่างนั้น เธอจงจัดแจง
เสนาสนะและแจกภัตตาหารแก่สงฆ์” พระทัพพมัลลบุตรกราบทูลรับสนองพระพุทธ
ดำรัสแล้ว