เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 4 วินีตวัตถุ

เรื่องพราหมณ์ 5 เรื่อง

[226] สมัยนั้น พราหมณ์คนหนึ่งนิมนต์ภิกษุทั้งหลายมากล่าวว่า “นิมนต์
พระอรหันต์ทั้งหลายมาเถิดเจ้าข้า” ภิกษุเหล่านั้นเกิดความกังวลใจว่า พวกเรามิใช่
พระอรหันต์ แต่พราหมณ์นี้เรียกพวกเราว่า พระอรหันต์ พวกเราพึงปฏิบัติอย่างไรดี
จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอไม่ต้องอาบัติ เพราะเขาเรียกด้วยความเลื่อมใส” (เรื่องที่ 24)
สมัยนั้น พราหมณ์คนหนึ่งนิมนต์ภิกษุทั้งหลายมากล่าวว่า “นิมนต์
พระอรหันต์ทั้งหลายนั่งเถิดเจ้าข้า” ภิกษุเหล่านั้นเกิดความกังวลใจว่า พวกเรามิใช่
พระอรหันต์ แต่พราหมณ์เรียกพวกเราว่าพระอรหันต์ พวกเราพึงปฏิบัติอย่างไรดี
จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอไม่ต้องอาบัติ เพราะเขาเรียกด้วยความเลื่อมใส” (เรื่องที่ 25)
สมัยนั้น พราหมณ์คนหนึ่งนิมนต์ภิกษุทั้งหลายมากล่าวว่า “นิมนต์
พระอรหันต์ทั้งหลายฉันเถิดเจ้าข้า” ภิกษุเหล่านั้นเกิดความกังวลใจว่า พวกเรามิใช่
พระอรหันต์แต่พราหมณ์เรียกพวกเราว่าพระอรหันต์ พวกเราพึงปฏิบัติอย่างไรดี
จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอไม่ต้องอาบัติ เพราะเขาเรียกด้วยความเลื่อมใส” (เรื่องที่ 26)
สมัยนั้น พราหมณ์คนหนึ่งนิมนต์ภิกษุทั้งหลายมากล่าวว่า “นิมนต์
พระอรหันต์ทั้งหลายฉันให้อิ่มหนำเถิดเจ้าข้า” ภิกษุเหล่านั้นเกิดความกังวลใจว่า
พวกเรามิใช่พระอรหันต์ แต่พราหมณ์เรียกพวกเราว่าพระอรหันต์ พวกเราพึงปฏิบัติ
อย่างไรดี จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไม่ต้องอาบัติ เพราะเขาเรียกด้วยความเลื่อมใส” (เรื่องที่ 27)
สมัยนั้น พราหมณ์คนหนึ่งนิมนต์ภิกษุทั้งหลายมากล่าวว่า “นิมนต์
พระอรหันต์ทั้งหลายกลับเถิดเจ้าข้า” ภิกษุเหล่านั้นเกิดความกังวลใจว่า พวกเรา
มิใช่พระอรหันต์ แต่พราหมณ์เรียกพวกเราว่าพระอรหันต์ พวกเราพึงปฏิบัติอย่างไรดี
จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอไม่ต้องอาบัติ เพราะเขาเรียกด้วยความเลื่อมใส” (เรื่องที่ 28)


พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 4 วินีตวัตถุ

เรื่องพยากรณ์มรรคผล 3 เรื่อง

สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมแก่ภิกษุอีกรูปหนึ่ง แม้
ภิกษุรูปนั้นก็กล่าวอวดว่า “กระผมก็ละอาสวะได้” ท่านเกิดความกังวลใจว่า เรา
ต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิก” (เรื่องที่ 29)
สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมแก่ภิกษุอีกรูปหนึ่ง แม้
ภิกษุรูปนั้นก็กล่าวอวดว่า “ธรรมเหล่านี้แม้กระผมก็มี” ท่านเกิดความกังวลใจว่า
เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิก” (เรื่องที่ 30)
สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมแก่ภิกษุอีกรูปหนึ่ง แม้
ภิกษุรูปนั้นก็กล่าวอวดว่า “กระผมก็ปรากฏในธรรมเหล่านั้น” ท่านเกิดความกังวล
ใจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้
ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิก” (เรื่องที่ 31)

เรื่องอยู่ครองเรือน 1 เรื่อง

สมัยนั้น พวกญาติบอกภิกษุรูปหนึ่งว่า “นิมนต์ท่านมาอยู่ครองเรือนเถิด
ขอรับ” ภิกษุรูปนั้นตอบว่า “ท่านทั้งหลาย คนอย่างอาตมาไม่ควรจะอยู่ครองเรือน”
ท่านเกิดความกังวลใจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูล
พระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสถามว่า “ภิกษุ เธอคิดอย่างไร”
“ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะกล่าวอวด พระพุทธเจ้าข้า” “ภิกษุ เธอไม่มี
ความประสงค์จะกล่าวอวด ไม่ต้องอาบัติ” (เรื่องที่ 32)

เรื่องห้ามกาม 1 เรื่อง

[227] สมัยนั้น พวกญาติบอกภิกษุรูปหนึ่งว่า “นิมนต์ท่านมาบริโภคกาม
เถิด” ภิกษุนั้นตอบว่า “ท่านทั้งหลาย เราปฏิเสธกามทั้งหลายแล้ว” ท่านเกิดความ
กังวลใจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาค