เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 1 สุทินนภาณวาร

มาก ซึ่งล้วนแต่เป็นครอบครัวมั่งคั่งมีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเงินมีทองมาก มี
เครื่องประดับมาก มีทรัพย์และข้าวเปลือกมาก1 อย่ากระนั้นเลย เราควรจะไปอาศัย
พวกญาติอยู่ ถึงพวกญาติก็จะอาศัยเราทำบุญถวายทาน ภิกษุทั้งหลายจักมีลาภ
และเราก็ไม่เดือดร้อนเรื่องบิณฑบาต
ครั้งนั้น ท่านพระสุทินจึงเก็บเสนาสนะถือบาตรและจีวรแล้วจาริกไปทางกรุง
เวสาลี เที่ยวจาริกไปโดยลำดับ จนถึงกรุงเวสาลี ทราบว่า ท่านพระสุทินพักอยู่ ณ
กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เขตกรุงเวสาลีนั้น
บรรดาญาติของท่านพอทราบข่าวว่า พระสุทินกลันทบุตรกลับมากรุงเวสาลี
จึงนำอาหาร 60 สำรับไปถวาย ท่านสละอาหารทั้งหมดถวายภิกษุทั้งหลายแล้ว
ครองอันตรวาสกถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตที่หมู่บ้านกลันทคามในตอนเช้า
เที่ยวบิณฑบาตไปในหมู่บ้านกลันทคามตามลำดับเรือน เดินตรงไปทางบ้านโยมบิดา
[31] พอดีขณะนั้น ทาสหญิงของญาติกำลังจะทิ้งขนมกุมมาสค้างคืน ท่าน
บอกทาสหญิงว่า “ถ้าจะทิ้งสิ่งนั้น ก็จงใส่บาตรของอาตมาเถิด” ขณะที่ทาสหญิง
กำลังเกลี่ยขนมกุมมาสค้างคืนลงบาตร นางจำเค้ามือ เท้า และน้ำเสียงของพระสุทิน
ได้ จึงรีบเข้าไปหามารดาของท่านแล้วกล่าวว่า “คุณนายเจ้าขา โปรดทราบเถิดว่า
พระสุทินบุตรคุณนายกลับมาแล้ว เจ้าค่ะ”
มารดาของพระสุทินกล่าวว่า “ถ้าเธอพูดจริง เราจะปลดปล่อยเธอให้เป็นไท”
[32] ขณะที่ท่านพระสุทินกำลังนั่งพิงฝาเรือนแห่งหนึ่งฉันขนมกุมมาสค้าง
คืนอยู่ พอดีโยมบิดาของท่านเดินกลับจากทำงาน ได้เห็นท่านกำลังนั่งฉันขนมกุม
มาสค้างคืนอยู่ ครั้นเห็นแล้วจึงตรงเข้าไปหาถึงที่ ครั้นถึงแล้วได้กล่าวกับท่านพระ
สุทินดังนี้ว่า “อะไรกันลูกสุทิน ลูกฉันขนมกุมมาสค้างคืนหรือ ลูกควรไปบ้านของลูก
มิใช่หรือ”

เชิงอรรถ :
1 โคธนาทีนญฺจ สตฺตวิธธญฺญานญฺจ ปหูตตาย ปหูตธนธญฺญา มีทรัพย์คือโคเป็นต้น และมีข้าวเจ็ด
ชนิดมาก (สํ.อ. 1/114/131), มีทรัพย์คือรัตนะ 7 และข้าวเปลือกอันสงเคราะห์ด้วยบุพพัณชาติและ
อปรัณชาติมาก (สารตฺถ.ฏีกา 2/30/8), ดูข้อ 104 หน้า 87
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 1 หน้า :21 }


พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 1 สุทินนภาณวาร

ท่านพระสุทินตอบว่า “อาตมาไปที่บ้านของโยมมาแล้ว ขนมกุมมาสค้างคืน
นี้ก็ได้มาจากที่บ้านนั้น”
ทันใดนั้น บิดาจับแขนท่านพระสุทินกล่าวว่า “มาเถิดลูกสุทินไปบ้านด้วยกัน”
ท่านพระสุทินจึงเดินตรงไปบ้านของโยมบิดา ครั้นถึงแล้ว ได้นั่งบนอาสนะที่
เขาจัดถวาย
บิดาของท่านสุทินกล่าวว่า “นิมนต์ท่านฉันเถิด”
“ไม่ละโยม วันนี้อาตมาฉันอิ่มแล้ว”
“ขอนิมนต์รับฉันภัตตาหารในวันพรุ่งนี้เถิด”
ท่านพระสุทินรับนิมนต์โดยดุษณีภาพ แล้วก็ลุกจากอาสนะหลีกไป

บิดาวิงวอนให้ลาสิกขา

[33] ในคืนนั้น มารดาของพระสุทินสั่งให้เอามูลโคสดมาฉาบทาพื้นดินแล้ว
แบ่งทรัพย์ออกเป็น 2 กอง คือ เงินกองหนึ่ง ทองกองหนึ่ง เป็นกองใหญ่เท่าๆ กัน
สูงท่วมศีรษะ คนยืนอยู่ข้างนี้จะมองไม่เห็นคนยืนอยู่ข้างโน้น คนยืนอยู่ข้างโน้นจะ
มองไม่เห็นคนยืนอยู่ข้างนี้ ใช้เสื่อลำแพนปิดกองทรัพย์ไว้ ตรงกลางจัดอาสนะใช้ม่าน
ล้อมเป็นวงเสร็จแล้วเรียกอดีตภรรยาของท่านพระสุทินมาสั่งว่า “ลูกหญิง เธอจง
แต่งกายด้วยอาภรณ์ที่ลูกสุทินเคยรักใคร่ชอบใจ” ลูกสะใภ้รับคำสั่งแม่ผัวแล้ว
[34] พอรุ่งเช้า ท่านพระสุทินครองอันตรวาสกถือบาตรและจีวรเข้าไปถึง
เรือนโยมบิดา ครั้นถึงแล้ว ได้นั่งบนอาสนะที่เขาจัดถวาย
ลำดับนั้น โยมบิดาของท่านเข้าไปหาแล้วให้คนเปิดกองทรัพย์ออก กล่าวว่า
“ลูกสุทิน นี่คือทรัพย์ฝ่ายมารดาเป็นสมบัติฝ่ายหญิงที่ได้รับมาทางฝ่ายมารดา ของ
พ่อมีอีกต่างหาก ส่วนของปู่อีกต่างหาก ลูกสุทินจงกลับมาเป็นคฤหัสถ์เถิด จะได้ใช้
สอยทรัพย์สมบัติและทำบุญ”
ท่านพระสุทินตอบว่า “โยม อาตมาไม่อาจไม่สามารถ อาตมายังพอใจ
ประพฤติพรหมจรรย์อยู่”
โยมบิดาของพระสุทินวิงวอนเป็นครั้งที่ 2 ฯลฯ เป็นครั้งที่ 3 ว่า “ลูกสุทิน นี่
คือทรัพย์ฝ่ายมารดาเป็นสมบัติฝ่ายหญิงที่ได้รับมาทางฝ่ายมารดา ของพ่อมีอีกต่าง