เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 4 บทภาชนีย์

ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะและข้าพเจ้าเข้า
สติปัฏฐาน 4 แล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง ... ข้าพเจ้าเข้าสัมมัปปธาน 4 ...อิทธิบาท 4
แล้ว ... ข้าพเจ้าเข้าอยู่ ... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว ...จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ
และข้าพเจ้าเป็นผู้ได้อิทธิบาท 4 ... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ ... จิตของข้าพเจ้าปลอด
จากโมหะและข้าพเจ้าทำอิทธิบาท 4 ให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาราชิก
[213] ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ และ
ข้าพเจ้าเข้าอินทรีย์ 5 แล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง ฯลฯ ข้าพเจ้าเข้าพละ 5 แล้ว ...
ข้าพเจ้าเข้าอยู่ ... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว ...จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ และ
ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้พละ 5 ... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ ... จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ
และข้าพเจ้าทำพละ 5 ให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาราชิก
ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้า
โพชฌงค์ 7 แล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง ... ข้าพเจ้าเข้าอยู่ ... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว
จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ และข้าพเจ้าเป็นผู้ได้โพชฌงค์ 7 ... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ
... จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ และข้าพเจ้าทำโพชฌงค์ 7 ให้แจ้งแล้ว ... ต้อง
อาบัติปาราชิก
ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้า
อริยมรรคมีองค์ 8 แล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง ... ข้าพเจ้าเข้าอยู่ ... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้า
แล้ว จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้อริยมรรคมีองค์ 8 ... ข้าพเจ้า
เป็นผู้ชำนาญ ... จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ และข้าพเจ้าทำอริยมรรคมีองค์ 8
ให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาราชิก
ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้า
โสดาปัตติผลแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง ... ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผล ฯลฯ อนาคามิผล
ฯลฯ อรหัตตผลแล้ว ... ข้าพเจ้าเข้าอยู่ ... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว ... จิตของข้าพเจ้า
ปลอดจากโมหะ และข้าพเจ้าเป็นผู้ได้อรหัตตผล ... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ...จิตของ
ข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ และข้าพเจ้าทำอรหัตตผลให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาราชิก


พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 4 บทภาชนีย์

ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ และข้าพเจ้าสละราคะ
แล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง ฯลฯ ข้าพเจ้าสละโทสะแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าสละ คาย
พ้น ละ สลัด เพิก ถอนโมหะขึ้นแล้ว ... ต้องอาบัติปาราชิก
ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโมหะ ฯลฯ จิตของ
ข้าพเจ้าปลอดจากราคะ ฯลฯ จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโทสะ ด้วยอาการ 3 อย่าง
ฯลฯ ด้วยอาการ 7 อย่าง คือ (1) เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ (2) กำลัง
กล่าว ก็รู้ว่ากำลังกล่าวเท็จ (3) ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว (4) อำพราง
ความเห็น (5) อำพรางความเห็นชอบ (6) อำพรางความพอใจ (7) อำพราง
ความประสงค์ ต้องอาบัติปาราชิก

พัทธจักรเอกมูลกนัย จบ

แม้พัทธจักรทุมูลกนัยเป็นต้นก็พึงให้พิสดารเหมือนพัทธจักรเอกมูลกนัยที่ให้
พิสดารแล้ว
คำที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นพัทธจักรสัพพมูลกนัย

พัทธจักร สัพพมูลกนัย

[214] ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน
จตุตถฌาน สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์ อัปปณิหิตวิโมกข์ สุญญตสมาธิ
อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ สุญญตสมาบัติ อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ
วิชชา 3 สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์
7 อริยมรรคมีองค์ 8 โสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผลและอรหัตตผล ...
ข้าพเจ้าเข้าอยู่ ... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าสละราคะแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้า
สละโทสะแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าสละ คาย พ้น ละ สลัด เพิก ถอนโมหะขึ้นแล้ว ... จิต
ของข้าพเจ้าปลอดจากราคะ จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโทสะ จิตของข้าพเจ้าปลอด
จากโมหะ ด้วยอาการ 3 อย่าง ฯลฯ ด้วยอาการ 7 อย่าง คือ (1) เบื้องต้นเธอรู้ว่า
จักกล่าวเท็จ (2) กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากำลังกล่าวเท็จ (3) ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าว