เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 4 บทภาชนีย์

ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานและปฐมฌานแล้ว ด้วยอาการ
3 อย่าง ฯลฯ ด้วยอาการ 7 อย่าง ... ข้าพเจ้าเข้าอยู่ ... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว ...
ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ทุติยฌานและปฐมฌาน ... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ ... ข้าพเจ้าทำ
ทุติยฌานและปฐมฌานให้แจ้งแล้ว ด้วยอาการ 7 อย่าง คือ ... (7) อำพรางความ
ประสงค์ ต้องอาบัติปาราชิก.

พัทธจักร จบ

พึงตั้งอุตตริมนุสสธรรมข้อหนึ่งๆ หมุนเวียนไปจนครบด้วยวิธีนี้
คำที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นคำที่ท่านย่อไว้

พัทธจักร เอกมูลกนัย

[211] ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานและจตุตถฌานแล้ว
ด้วยอาการ 3 อย่าง ฯลฯ ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานและอรหัตตผลแล้ว ... ข้าพเจ้าเข้า
อยู่ ... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว ... ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ตติยฌานและอรหัตตผล ...
ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ ... ข้าพเจ้าทำตติยฌานและอรหัตตผลให้แจ้งแล้ว ... ต้อง
อาบัติปาราชิก ฯลฯ
ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง ...
ข้าพเจ้าเข้าอยู่ ... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าแล้ว ... ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ตติยฌาน... ข้าพเจ้า
เป็นผู้ชำนาญ ... ข้าพเจ้าทำตติยฌานให้แจ้งแล้ว ... ข้าพเจ้าสละราคะแล้ว ฯลฯ
ข้าพเจ้าสละโทสะแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าสละ คาย พ้น ละ สลัด เพิก ถอนโมหะขึ้นแล้ว ...
จิตของข้าพเจ้าปลอดจากราคะ ... จิตของข้าพเจ้าปลอดจากโทสะ ... จิตของข้าพเจ้า
ปลอดจากโมหะ ... ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ
ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานและปฐมฌาน ด้วยอาการ 3
อย่าง ... ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานและทุติยฌานแล้ว ... ข้าพเจ้าเข้าอยู่ ... ข้าพเจ้าเป็นผู้
เข้าแล้ว ... ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ตติยฌานและทุติยฌาน ... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ ... ข้าพเจ้าทำ
ตติยฌานและทุติยฌานให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาราชิก ฯลฯ