เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 2 วินีตวัตถุ

เรื่องสับเปลี่ยนสลาก 1 เรื่อง

[138] สมัยนั้น เมื่อภิกษุเจ้าหน้าที่กำลังแจกจีวรแก่สงฆ์ ภิกษุรูปหนึ่ง มี
ไถยจิตได้สับเปลี่ยนสลากรับจีวรไป ท่านเกิดความกังวลใจว่า เราต้องอาบัติปาราชิก
หรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า
“ภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิก” (เรื่องที่ 34)

เรื่องเรือนไฟ 1 เรื่อง

[139] สมัยนั้น พระอานนท์สำคัญว่าผ้าอันตรวาสกของภิกษุรูปหนึ่งในเรือน
ไฟเป็นของตนจึงนุ่ง ภิกษุรูปที่เป็นเจ้าของผ้าอันตรวาสกกล่าวกับท่านพระอานนท์
ว่า “ทำไมท่านจึงเอาผ้าอันตราสกของผมไปนุ่ง” “ท่าน ผมสำคัญว่าเป็นของผม”
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุสำคัญว่าเป็นของตน ไม่ต้องอาบัติ” (เรื่องที่ 35)

เรื่องเนื้อเดนสัตว์ 5 เรื่อง

[140] สมัยนั้น ภิกษุหลายรูปลงจากภูเขาคิชฌกูฏ พบเนื้อเป็นเดนของราชสีห์
จึงใช้ให้อนุปสัมบันทำให้สุกแล้วฉัน พวกท่านเกิดความกังวลใจว่า พวกเราต้องอาบัติ
ปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์
ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุฉันเนื้อเป็นเดนราชสีห์ ไม่ต้องอาบัติ” (เรื่องที่ 36)
สมัยนั้น ภิกษุหลายรูปลงจากภูเขาคิชฌกูฏ พบเนื้อเป็นเดนเสือโคร่ง จึงใช้
ให้อนุปสัมบันทำให้สุกแล้วฉัน พวกท่านเกิดความกังวลใจว่า พวกเราต้องอาบัติ
ปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์
ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุฉันเนื้อเป็นเดนเสือโคร่ง ไม่ต้องอาบัติ” (เรื่องที่ 37)
สมัยนั้น ภิกษุหลายรูปลงจากภูเขาคิชฌกูฏ พบเนื้อเป็นเดนเสือเหลือง จึงใช้
ให้อนุปสัมบันทำให้สุกแล้วฉัน พวกท่านเกิดความกังวลใจว่า พวกเราต้องอาบัติ
ปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์
ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุฉันเนื้อเป็นเดนเสือเหลือง ไม่ต้องอาบัติ” (เรื่องที่ 38)


พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 2 วินีตวัตถุ

สมัยนั้น ภิกษุหลายรูปลงจากภูเขาคิชฌกูฏ พบเนื้อเป็นเดนหมาใน จึงใช้ให้
อนุปสัมบันทำให้สุกแล้วฉัน พวกท่านเกิดความกังวลใจว่า พวกเราต้องอาบัติ
ปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัส
ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุฉันเนื้อที่เป็นเดนหมาใน ไม่ต้องอาบัติ” (เรื่องที่ 39)
สมัยนั้น ภิกษุหลายรูปลงจากภูเขาคิชฌกูฏ พบเนื้อเป็นเดนหมาป่า จึงใช้ให้
อนุปสัมบันทำให้สุกแล้วฉัน พวกท่านเกิดความกังวลใจว่า พวกเราต้องอาบัติ
ปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์
ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุฉันเนื้อที่สัตว์ดิรัจฉานครอบครอง ไม่ต้องอาบัติ” (เรื่อง
ที่ 40)

เรื่องไม่มีมูล 5 เรื่อง

[141] สมัยนั้น เมื่อภิกษุเจ้าหน้าที่กำลังแจกอาหารแก่สงฆ์ ภิกษุรูปหนึ่ง
กล่าวคำไม่มีมูลว่า “จงให้เพื่อภิกษุอื่นอีกส่วนหนึ่ง” แล้วรับไป ท่านเกิดความกังวลใจ
ว่า เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรง
ทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่ต้องอาบัติปาจิตตีย์
เพราะกล่าวเท็จทั้งที่รู้” (เรื่องที่ 41)
สมัยนั้น เมื่อภิกษุเจ้าหน้าที่กำลังแจกของเคี้ยวแก่สงฆ์ ภิกษุรูปหนึ่งกล่าว
คำไม่มีมูลว่า “จงให้เพื่อภิกษุอื่นอีกส่วนหนึ่ง” แล้วรับไป ท่านเกิดความกังวลใจว่า
เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะ
กล่าวเท็จทั้งที่รู้” (เรื่องที่ 42)
สมัยนั้น เมื่อภิกษุเจ้าหน้าที่กำลังแจกขนมแก่สงฆ์ ภิกษุรูปหนึ่งกล่าวคำไม่มี
มูลว่า “จงให้เพื่อภิกษุอื่นอีกส่วนหนึ่ง” แล้วรับไป ท่านเกิดความกังวลใจว่า เราต้อง
อาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระ
องค์ตรัสว่า “ภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะกล่าว
เท็จทั้งที่รู้” (เรื่องที่ 43)
สมัยนั้น เมื่อภิกษุเจ้าหน้าที่กำลังแจกน้ำอ้อยแก่สงฆ์ ภิกษุรูปหนึ่งกล่าวคำ
ไม่มีมูลว่า “จงให้เพื่อภิกษุอื่นอีกส่วนหนึ่ง” แล้วรับไป ท่านเกิดความกังวลใจว่า เรา