เมนู

โส นานปฺปการกุสลาธิคมเหตุโต อมตาธิคมเหตุโต จ มงฺคลนฺติ วุจฺจติ ฯ ตตฺถ ‘‘อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน’’ติ จ (ม. นิ. 2.18; อ. นิ. 5.26), ‘‘อปฺปมาโท อมตํ ปท’’นฺติ จ, เอวมาทิ (ธ. ป. 21) สตฺถุ สาสนํ อนุสฺสริตพฺพํฯ

เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ปาปา วิรติ, มชฺชปานา สํยโม, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมาโทติ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิฯ มงฺคลตฺตญฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติฯ

นิฏฺฐิตา อารตีติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนาฯ

คารโวจาติคาถาวณฺณนา

[9] อิทานิ คารโว จาติ เอตฺถ คารโวติ ครุภาโวฯ นิวาโตติ นีจวุตฺติตาฯ สนฺตุฏฺฐีติ สนฺโตโส ฯ กตสฺส ชานนตา กตญฺญุตาฯ กาเลนาติ ขเณน สมเยนฯ ธมฺมสฺส สวนํ ธมฺมสฺสวนํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา

อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – คารโว นาม ครุการปฺปโยคารเหสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตสาวกอาจริยุปชฺฌายมาตาปิตุเชฏฺฐกภาติกภคินีอาทีสุ ยถานุรูปํ ครุกาโร ครุกรณํ สคารวตาฯ ส จายํ คารโว ยสฺมา สุคติคมนาทีนํ เหตุฯ ยถาห –

‘‘ครุกาตพฺพํ ครุํ กโรติ, มาเนตพฺพํ มาเนติ, ปูเชตพฺพํ ปูเชติฯ โส เตน กมฺเมน เอวํ สมตฺเตน เอวํ สมาทินฺเนน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ โน เจ กายสฺส…เป.… อุปปชฺชติ, สเจ มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจาชายติ, อุจฺจากุลีโน โหตี’’ติ (ม. นิ. 3.295)ฯ

ยถา จาห – ‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, อปริหานิยา ธมฺมาฯ กตเม สตฺต? สตฺถุคารวตา’’ติอาทิ (อ. นิ. 7.33), ตสฺมา มงฺคลนฺติ วุจฺจติฯ

นิวาโต นาม นีจมนตา นิวาตวุตฺติตา, ยาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล นิหตมาโน นิหตทปฺโป ปาทปุญฺฉนกโจฬสทิโส ฉินฺนวิสาณอุสภสโม อุทฺธฏทาฐสปฺปสโม จ หุตฺวา สณฺโห สขิโล สุขสมฺภาโส โหติ, อยํ นิวาโตฯ สฺวายํ ยสาทิคุณปฺปฏิลาภเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติฯ อาห จ ‘‘นิวาตวุตฺติ อตฺถทฺโธ, ตาทิโส ลภเต ยส’’นฺติ เอวมาทิ (ที. นิ. 3.273)ฯ

สนฺตุฏฺฐิ นาม อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส, โส ทฺวาทสวิโธ โหติฯ เสยฺยถิทํ – จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธฯ เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุฯ

ตสฺสายํ ปเภทวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วาฯ โส เตเนว ยาเปติ, อญฺญํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโสฯ อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, ครุํ จีวรํ ปารุปนฺโต โอณมติ วา กิลมติ วา, โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธิํ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโฐว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโสฯ อปโร ภิกฺขุ ปณีตปจฺจยลาภี โหติ, โส ปฏฺฏจีวราทีนํ อญฺญตรํ มหคฺฆํ จีวรํ ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ พหุสฺสุตานญฺจ อนุรูป’’นฺติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา สงฺการกูฏา วา อญฺญโต วา กุโตจิ นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏิํ กริตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโฐว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส

อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อญฺญํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโสฯ อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, ลูขํ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชิตฺวา คาฬฺหํ โรคาตงฺกํ ปาปุณาติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปิมธุขีราทีนิ ภุญฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโฐว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโสฯ อปโร ภิกฺขุ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ‘‘อยํ ปิณฺฑปาโต เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ อญฺเญสญฺจ ปณีตปิณฺฑปาตํ วินา อยาเปนฺตานํ สพฺรหฺมจารีนํ อนุรูโป’’ติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา ปิณฺฑาย จริตฺวา มิสฺสกาหารํ ภุญฺชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโฐว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส

อิธ ปน ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปาปุณาติฯ โส เตเนว สนฺตุสฺสติ, ปุน อญฺญํ สุนฺทรตรมฺปิ ปาปุณนฺตํ น คณฺหาติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโสฯ อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, นิวาตเสนาสเน วสนฺโต อติวิย ปิตฺตโรคาทีหิ อาตุรียติฯ โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส ปาปุณเน สวาเต สีตลเสนาสเน วสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโฐว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโสฯ อปโร ภิกฺขุ สุนฺทรํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ ‘‘สุนฺทรเสนาสนํ ปมาทฏฺฐานํ, ตตฺร นิสินฺนสฺส ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, นิทฺทาภิภูตสฺส จ ปุน ปฏิพุชฺฌโต กามวิตกฺโก สมุทาจรตี’’ติฯ โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อชฺโฌกาสรุกฺขมูลปณฺณกุฏีสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิวสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโฐว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส

อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ หรีตกํ วา อามลกํ วาฯ โส เตเนว ยาเปติ, อญฺเญหิ ลทฺธสปฺปิมธุผาณิตาทิมฺปิ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโสฯ อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, เตเลนตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตเลน เภสชฺชํ กตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโฐว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโสฯ อปโร ภิกฺขุ เอกสฺมิํ ภาชเน ปูติมุตฺตหรีตกํ ฐเปตฺวา เอกสฺมิํ จตุมธุรํ ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน สจสฺส เตสํ ทฺวินฺนมญฺญตเรนปิ พฺยาธิ วูปสมฺมติ, อถ ‘‘ปูติมุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิต’’นฺติ จ ‘‘ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโยติ วุตฺต’’นฺติ (มหาว. 128) จ จินฺเตนฺโต จตุมธุรเภสชฺชํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปูติมุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ ปรมสนฺตุฏฺโฐว โหติฯ อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส

เอวํปเภโท สพฺโพเปโส สนฺโตโส สนฺตุฏฺฐีติ วุจฺจติฯ สา อตฺริจฺฉตามหิจฺฉตาปาปิจฺฉตาทีนํ ปาปธมฺมานํ ปหานาธิคมเหตุโต, สุคติเหตุโต, อริยมคฺคสมฺภารภาวโต, จาตุทฺทิสาทิภาวเหตุโต จ มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพาฯ อาห จ –

‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฏิโฆ จ โหติ,

สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรนา’’ติฯ เอวมาทิ (สุ. นิ. 42);

กตญฺญุตา นาม อปฺปสฺส วา พหุสฺส วา เยน เกนจิ กตสฺส อุปการสฺส ปุนปฺปุนํ อนุสฺสรณภาเวน ชานนตาฯ อปิจ เนรยิกาทิทุกฺขปริตฺตาณโต ปุญฺญานิ เอว ปาณีนํ พหูปการานิ, ตโต เตสมฺปิ อุปการานุสฺสรณตา กตญฺญุตาติ เวทิตพฺพาฯ สา สปฺปุริเสหิ ปสํสนียาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติฯ อาห จ ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา ทุลฺลภา โลกสฺมิํฯ กตเม ทฺเว? โย จ ปุพฺพการี โย จ กตญฺญู กตเวที’’ติ (อ. นิ. 2.120)ฯ

กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นาม ยสฺมิํ กาเล อุทฺธจฺจสหคตํ จิตฺตํ โหติ, กามวิตกฺกาทีนํ วา อญฺญตเรน อภิภูตํ, ตสฺมิํ กาเล เตสํ วิโนทนตฺถํ ธมฺมสฺสวนํฯ อปเร อาหุ ‘‘ปญฺจเม ปญฺจเม ทิวเส ธมฺมสฺสวนํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นามฯ ยถาห อายสฺมา อนุรุทฺโธ ‘ปญฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺติํ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทามา’’’ติ (ม. นิ. 1.327; มหาว. 466)ฯ

อปิจ ยสฺมิํ กาเล กลฺยาณมิตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา สกฺกา โหติ อตฺตโน กงฺขาวิโนทกํ ธมฺมํ โสตุํ, ตสฺมิํ กาเลปิ ธมฺมสฺสวนํ กาเลน ธมฺมสฺสวนนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยถาห ‘‘เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปญฺหตี’’ติอาทิ (ที. นิ. 3.358)ฯ ตเทตํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นีวรณปฺปหานจตุรานิสํสอาสวกฺขยาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํฯ วุตฺตญฺเหตํ –

‘‘ยสฺมิํ , ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก อฏฺฐิํ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ปญฺจสฺส นีวรณา ตสฺมิํ สมเย น โหนฺตี’’ติ จ (สํ. นิ. 5.219)ฯ

‘‘โสตานุคตานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ…เป.… สุปฺปฏิวิทฺธานํ จตฺตาโร อานิสํสา ปาฏิกงฺขา’’ติ จ (อ. นิ. 4.191)ฯ

‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา กาเลน กาลํ สมฺมา ภาวิยมานา สมฺมา อนุปริวตฺติยมานา อนุปุพฺเพน อาสวานํ ขยํ ปาเปนฺติฯ กตเม จตฺตาโร? กาเลน ธมฺมสฺสวน’’นฺติ จ เอวมาทิ (อ. นิ. 4.147)ฯ

เอวํ อิมิสฺสา คาถาย คารโว, นิวาโต, สนฺตุฏฺฐิ, กตญฺญุตา, กาเลน ธมฺมสฺสวนนฺติ ปญฺจ มงฺคลานิ วุตฺตานิฯ มงฺคลตฺตญฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติฯ

นิฏฺฐิตา คารโว จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนาฯ

ขนฺตีจาติคาถาวณฺณนา

[10] อิทานิ ขนฺตี จาติ เอตฺถ ขมนํ ขนฺติฯ ปทกฺขิณคฺคาหิตาย สุขํ วโจ อสฺมินฺติ สุวโจ, สุวจสฺส กมฺมํ โสวจสฺสํ, โสวจสฺสสฺส ภาโว โสวจสฺสตาฯ กิเลสานํ สมิตตฺตา สมณาฯ ทสฺสนนฺติ เปกฺขนํฯ ธมฺมสฺส สากจฺฉา ธมฺมสากจฺฉาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ อยํ ปทวณฺณนา

อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา ขนฺติ นาม อธิวาสนกฺขนฺติ, ตาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺเต วธพนฺธาทีหิ วา วิเหสนฺเต ปุคฺคเล อสุณนฺโต วิย อปสฺสนฺโต วิย จ นิพฺพิกาโร โหติ ขนฺติวาที วิยฯ ยถาห –

‘‘อหุ อตีตมทฺธานํ, สมโณ ขนฺติทีปโน;

ตํ ขนฺติยาเยว ฐิตํ, กาสิราชา อเฉทยี’’ติฯ (ชา. 1.4.51);

ภทฺรกโต วา มนสิ กโรติ ตโต อุตฺตริ อปราธาภาเวน อายสฺมา ปุณฺณตฺเถโร วิยฯ ยถาห โส –

‘‘สเจ มํ, ภนฺเต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา อกฺโกสิสฺสนฺติ ปริภาสิสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ ‘ภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, สุภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, ยํ เม นยิเม ปาณินา ปหารํ เทนฺตี’’’ติอาทิ (ม. นิ. 3.396; สํ. นิ. 4.88)ฯ

ยาย จ สมนฺนาคโต อิสีนมฺปิ ปสํสนีโย โหติฯ ยถาห สรภงฺโค อิสิ –