เมนู

อปฺปฏิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปิฏกตฺตเยน วิภตฺตา สพฺพธมฺมกฺขนฺธาติฯ ทิฏฺฐิสีลสงฺฆาเตน สํหโตติ สงฺโฆ, โส อตฺถโต อฏฺฐอริยปุคฺคลสมูโหฯ วุตฺตญฺเหตํ ตสฺมิํเยว วิมาเน

‘‘ยตฺถ จ ทินฺนมหปฺผลมาหุ, จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;

อฏฺฐ จ ปุคฺคลธมฺมทสา เต, สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติฯ (วิ. ว. 888);

ภิกฺขูนํ สงฺโฆ ภิกฺขุสงฺโฆฯ เอตฺตาวตา จ พฺราหฺมโณ ตีณิ สรณคมนานิ ปฏิเวเทสิฯ

ปสนฺนาการกถา นิฏฺฐิตาฯ

สรณคมนกถา

อิทานิ เตสฺเวว ตีสุ สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ สรณํ, สรณคมนํ, โย สรณํ คจฺฉติ,

สรณคมนปฺปเภโท, สรณคมนผลํ, สํกิเลโส, เภโทติ อยํ วิธิ เวทิ ตพฺโพฯ โส ปน อิธ วุจฺจมาโน อติภาริยํ วินยนิทานํ กโรตีติ น วุตฺโตฯ อตฺถิเกหิ ปน ปปญฺจสูทนิยํ วา มชฺฌิมฏฺฐกถายํ ภยเภรวสุตฺตวณฺณนโต (ม. นิ. อฏฺฐ. 1.56) สุมงฺคลวิลาสินิยํ วา ทีฆนิกายฏฺฐกถายํ (ที. นิ. อฏฺฐ. 1.250) สรณวณฺณนโต คเหตพฺโพติฯ

สรณคมนกถา นิฏฺฐิตาฯ

อุปาสกตฺตปฏิเวทนากถา

อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตูติ มํ ภวํ โคตโม ‘‘อุปาสโก อย’’นฺติ เอวํ ธาเรตูติ อตฺโถฯ อุปาสกวิธิโกสลฺลตฺถํ ปเนตฺถ โก อุปาสโก, กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจติ, กิมสฺส สีลํ, โก อาชีโว, กา วิปตฺติ, กา สมฺปตฺตีติ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํฯ ตํ อติภาริยกรณโต อิธ น วิภตฺตํ, อตฺถิเกหิ ปน ปปญฺจสูทนิยํ มชฺฌิมฏฺฐกถายํ (ม. นิ. อฏฺฐ. 1.56) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อชฺชตคฺเคติ เอตฺถ อยํ อคฺคสทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺฐาสเสฏฺเฐสุ ทิสฺสติฯ ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺฐานํ นิคณฺฐีน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. 2.70) หิ อาทิมฺหิ ทิสฺสติฯ ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย (กถา. 441), อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติอาทีสุ โกฏิยํฯ ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา ติตฺตกคฺคํ วา (สํ. นิ. 5.374) อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. 318) โกฏฺฐาเสฯ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา…เป.… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. 4.34) เสฏฺเฐฯ อิธ ปนายํ อาทิมฺหิ ทฏฺฐพฺโพฯ ตสฺมา อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทิํ กตฺวาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพฯ อชฺชตนฺติ อชฺชภาวนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อชฺชทคฺเค อิจฺเจว วา ปาโฐ, ทกาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ, ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ อนญฺญสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณคตํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ ชานาตุ, อหญฺหิ สเจปิ เม ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺเทยฺยุํ, เนว พุทฺธํ ‘‘น พุทฺโธ’’ติ วา, ธมฺมํ ‘‘น ธมฺโม’’ติ วา, สงฺฆํ ‘‘น สงฺโฆ’’ติ วา วเทยฺยนฺติฯ เอตฺถ จ พฺราหฺมโณ ปาณุเปตํ สรณคตนฺติ ปุน สรณคมนํ วทนฺโต อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ ปกาเสตีติ เวทิตพฺโพฯ

เอวํ อตฺตานํ นิยฺยาเตตฺวา ภควนฺตํ สปริสํ อุปฏฺฐาตุกาโม อาห – ‘‘อธิวาเสตุ จ เม ภวํ โคตโม เวรญฺชายํ วสฺสาวาสํ สทฺธิํ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติฯ กิํ วุตฺตํ โหติ – อุปาสกญฺจ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ, อธิวาเสตุ จ เม เวรญฺชายํ วสฺสาวาสํ, ตโย มาเส เวรญฺชํ อุปนิสฺสาย มม อนุคฺคหตฺถํ วาสํ สมฺปฏิจฺฉตูติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนาติ อถสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา กายงฺคํ วา วาจงฺคํ วา อโจเปตฺวา อพฺภนฺตเรเยว ขนฺติํ จาเรตฺวา ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสสิ; พฺราหฺมณสฺส อนุคฺคหตฺถํ มนสาว สมฺปฏิจฺฉีติ วุตฺตํ โหติฯ

อถ โข เวรญฺโช พฺราหฺมโณ ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวาติ อถ เวรญฺโช พฺราหฺมโณ สเจ เม สมโณ โคตโม นาธิวาเสยฺย, กาเยน วา วาจาย วา ปฏิกฺขิเปยฺยฯ ยสฺมา ปน อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา อพฺภนฺตเร ขนฺติํ ธาเรสิ, ตสฺมา เม มนสาว อธิวาเสสีติ เอวํ อาการสลฺลกฺขณกุสลตาย ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา, อตฺตโน นิสินฺนาสนโต วุฏฺฐาย จตูสุ ทิสาสุ ภควนฺตํ สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อาคตกาลโต ปภุติ ชาติมหลฺลกพฺราหฺมณานํ อภิวาทนาทีนิ น กโรตีติ วิครหิตฺวาปิ อิทานิ วิญฺญาตพุทฺธคุโณ กาเยน วาจาย มนสา จ อเนกกฺขตฺตุํ วนฺทนฺโตปิ อติตฺโตเยว หุตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อญฺชลิํ ปคฺคยฺห สิรสฺมิํ ปติฏฺฐาเปตฺวา ยาว ทสฺสนวิสโย ตาว ปฏิมุโขเยว อปกฺกมิตฺวา ทสฺสนวิสยํ วิชหนฏฺฐาเน วนฺทิตฺวา ปกฺกามิฯ

อุปาสกตฺตปฏิเวทนากถา นิฏฺฐิตาฯ