เมนู

นวมวรรค


กาลากาลมรณปัญหา ที่ 1


สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี จึงมีพระราชโองการตรัสถามปัญหาสืบไปว่า ภนฺเต
นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชา สพฺเพ มนุสฺสา อันว่ามนุษย์ทั้งหลายนี้ตายเป็นกาลมรณะ
สิ้น หรือว่าตายเป็นอกาลมรณะบ้าง
พระนาคเสนเถระจึงวิสัชนาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร
มนุษย์ทั้งหลายตายเป็นกาลมรณะก็มี ที่ตายเป็นอกาลมรณะก็มี
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า
แต่พระนาคเสนผู้ปรีชา ที่ตายเป็นกาลมรณะนั้นอย่างไร ที่ตายเป็นอกาลมรณะนั้นอย่างไร
พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า ผลิโนปิ ผลํ ผลมะม่วงหรือผลไม้เหล่าอื่น ย่อมหล่นไป
แต่ในกาลเมื่อยังเป็นช่อ บางทีช่อตั้งจะเป็นผลก็หล่นร่วงไป บางทีหล่นไปในกาลเมื่อเป็นหัวแมลงวัน
บางทีห่ามแล้วจึงหล่นไป บางทีจวนสุกจึงหล่นไป บพิตรเห็นบ้างหรือไม่ ขอถวายพระพร
สมเด็จพระมิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการรับคำพระนาคเสนว่า อาม
ภนฺเต
พระเจ้าข้าพระผู้เป็นเจ้า โยมเคยเห็นอยู่เป็นธรรมดา
พระนาคเสนผู้ปรีชามีเถรวาจาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร
อันว่ามะม่วงและผลไม้ที่สุกแล้วหล่นนั้นแลเรียกว่าหล่นในกาลควรจะหล่น เสสา อันว่าผลมะม่วง
และผลไม้นอกนี้คือที่ล่วงไปตั้งแต่เป็นช่อและเป็นผลโตเท่าหัวแมลงวัน นกจิกและลมพัดและ
เป็นด้วงบ่อนหนอนไซร่วงไปนั้นเรียกว่าหล่นเป็นอกาล คือหล่นในกาลอันมิควรจะหล่น
ความเปรียบนี้ ยถา มีครุวนาอุปมาฉันใด มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภารผู้
ประเสริฐ อันว่ามนุษย์ทั้งหลายเกิดมาครั้นเฒ่าแก่ชรากระทำกาลกิริยาตายนั้น ชื่อว่ากาลมรณะ
ควรตายอยู่แล้ว นะบพิตรพระราชสมภาร ปานดุจผลมะม่วงสุกแล้วหล่นร่วงลงสู่พื้นพสุธา อว-
เสสา
มนุษย์นอกกว่านั้น เกจิ บางพวกตายเป็นกรรมปฏิพาฬห์ กรรมหลังอันหนักมาชักนำไป
เกจิ บางพวกตายเป็นคติปฏิพาพฬห์คติอันหนักชักนำไป บางพวกก็ตายเป็นกิริยาปฏิพาฬห์ กิริยา
อันหนักชักนำไป เต มนุสฺสา อันว่ามนุษย์ทั้งหลายนั้นชื่อว่าตายเป็นอกายมรณะ ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี จึงมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า
แต่พระนาคเสนผู้ปรีชา อันว่าคนทั้งหลายตายด้วยกรรมปฏิพาฬห์กรรมพาไปก็ดี ตายเป็น
คติปฏิพาฬห์คติชักพาไปก็ดี ตายเป็นกิริยาปฏิพาฬห์กิริยาชักพาไปก็ดี ตายด้วยชราพาไปก็ดี