เมนู

สัตตมวรรค


อรหโต กายิกเจตสิกเวทนาปัญหา ที่ 1


สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชาอติสสราธิบดี จึงมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต
นาคเสน
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าพระนาคเสน โยมจะขอถามสักหน่อย ตุมฺเห ภณถ พระผู้เป็น
เจ้ากล่าวดังนี้ว่า ธรรมดาพระอรหันต์เจ้า เมื่อจะเสวยทุกขเวทนานั้น จะได้เสวยเป็นสองดุจ
ปุถุชนหามิได้ อันปุถุชนนี้มีทุกขเวทนาเป็นสอง คือทุกขเวทนาอันประกอบในกายและทุกขเวทนา
อันประกอบในจิต ส่วนพระอรหันต์เจ้าทั้งหลายมีแต่ทุกขเวทนาเกิดแต่กาย ทุกขเวทนาจะ
ได้มีในจิตหามิได้ โยมมารำพึงดู ถ้ากระนั้นจิตของพระอรหันต์ย่อมเป็นแต่อาศัยกายเป็นไป
พระอรหันต์ไม่เป็นใหญ่ไม่เป็นเจ้าของกายนั้น แต่ท่านไม่เป็นไปในอำนาจของกายดังนี้หรือ ผู้
เป็นเจ้า
พระนาคเสนรับคำว่า จริงเหมือนทรงพระดำริ จิตพระอรหันต์ไม่เป็นใหญ่เป็นเจ้า
ของกาย
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงตรัสต่อไปว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณ
โยมยังสงสัยนักหนา ซึ่งว่าจิตอาศัยในกายและจะไม่เป็นเจ้าแห่งกาย ไม่เป็นใหญ่แห่งกายนั้น
โยมยังแคลงอยู่นักหนา ได้ยินแล้วยิ่งสงสัยให้เคลือบแคลงแหนงในใจนัก จิตนี้อาศัยกาย
เหมือนนกทั้งหลายอาศัยรัง ย่อมจะเป็นเจ้ารัง
พระนาคเสนถวายพระพรว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร กายานุค-
ตา ธมฺมา
อันว่าธรรมที่จะเนื่องด้วยกายจะตามภายไปในภพนั้น มี 10 ประการ สีตํ คือความ
เย็นความหนาว อุณฺหํ คือความร้อน ชิฆจฺฉา คือความหิว ปิปาสา คือความกระหาย อุจฺจาโร
คือถ่ายอุจจาระ ปสฺสาโว คือถ่ายปัสสาวะ ถีนมิทฺธํ คือความง่วงเหงาหาวนอน ชรา คือความ
แก่ พฺยาธิ คือเจ็บไข้ มรณํ คือความตาย ธรรม 10 ประการนี้ย่อมเวียนไปตามกาย อันจะเที่ยว
ท่องไปในภพ 3 คือกามภพ รูปภพ อรูปภพ อรหา อันว่าพระอรหันต์จะได้เป็นใหญ่ในกาย
จะได้เป็นไปในอำนาจแห่งกาย หามิได้
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามพระนาคเสนว่า ภนฺเต
นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้ประกอบด้วยปรีชาญาณ ถ้าว่าพระอรหันต์ไม่เป็นใหญ่ในกาย
จะบังคับกาย จะห้ามกาย สำรวมกายอย่างใดเล่า นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนาให้แจ้งก่อน
พระนาคเสนถวายพระพร มหาราช ดูกรบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ เย เกจิ