เมนู

ปัญจมวรรค


อิทธิยา กัมมวิปากปัญหา ที่ 1


สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ผู้ปิ่นประชา จึงมีพระราชโองการถามอรรถปัญหาอื่นสืบไปเล่าว่า
ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้ประกอบด้วยบวรวิสุทธิปรีชา อนึ่ง สมเด็จพระมหากรุณา
โลกุตตมมงกุฎปราชญ์ มีพระพุทธฎีกาประภาษยกพระโมคคัลลานะทุติยสาวกว่า เอตทคฺคํ
ภิกฺขเว มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน
ดังนี้ ความว่า ภิกฺขเว
ดูรานะภิกษุทั้งหลาย แต่บรรดาสาวกฝ่ายมีฤทธิ์นี้ และสาวกผู้ใดที่จะมีฤทธิ์ ยิ่งกว่าพระโมคคัล
ลานะนี้หามิได้ ก็แลพระโมคคัลลานเถระนี้ประเสริฐด้วยฤทธิ์แล้ว ทำไมจึงไม่สู้รบโจร ปล่อย
ให้โจรตีจนศีรษะแตกกระดูกหักละเอียดป่นปี้จนต้องปรินิพพาน โจรมิมีฤทธิ์ไปกว่าพระโมค
คัลลานะหรือ ถ้าพระโมคคัลลานมีฤทธิ์แล้วที่ไหนโจรจะตีได้ น่าสงสัยนักหนา ปัญหานี้เป็น
อุภโตโกฏิ นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าโปรดวิสัชนาไปให้โยมแจ้งในกาลบัดนี้
เถโร พระนาคเสนผู้เป็นองค์อรหันต์จึงวิสัชนาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตร
พระราชสมภาร อันพระพุทธฎีกาของสมเด็จพระโลกุตตมาจารย์เจ้า จะเป็นสองหามิได้ เทฺว
อจินฺเตยฺยา
สมเด็จพระบรมโลกุตตมาจารย์เจ้า ตรัสประทานธรรมเทศนาอจินไตยไว้ 2 ประการ
คือโลกุตรฤทธิ์นี้ประการ 1 กรรมวิปากฤทธิ์นั้นประการ 1 ฤทธิ์ทั้งสองนี้ เป็นอจินไตย ไม่
ควรจะพึงคิดเลย โลกุตรฤทธิ์นี้เป็นฤทธิ์ของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์
เจ้าทั้งหลาย โลกุตรฤทธิ์นี้ อุปัทวอันตรายอื่น ๆ มิอาจย่ำยีได้ แต่จะสู่กรรมวิบากฤทธิ์ จะ
ยังวิบากฤทธิ์ให้อันตรธานหายนั้น กระทำไม่ได้ กรรมวิบากฤทธิ์นั้น คือฤทธิ์แห่งผลกุศลา
กุศลกรรม อันผลแห่งกุศลากุศลกรรมนี้ ถึงผู้ใดจะมีฤทธิ์เทียมพระสัพพัญญูก็มิอาจสู้ได้ กปิฏฺเฐ
กปิฏฺฐํ วิย โลกุตรฤทธิ์เหมือนผลมะขวิด ครั้นต้องกันเข้า ข้างผลมะขวิดก็แตกทำลาย อมฺเพน
อมฺพํ วิย จ ถ้ามิฉะนั้น ดุจต้นไม้มะม่วงกับผลมะม่วง เมื่อตกต้องกัน ผลก็ทำลายไป ฉันใดก็ดี
โลกุตกฤทธิ์นี้อ่อน มิอาจจะกั้นกรรมวิบากฤทธิ์ได้ คือผลกรรมนี้แรงกว่า เหตุฉะนี้ พระมหาโมค
คัลลานเถรเจ้าจึงสู้กรรมวิบากฤทธิ์สู้แรงกรรมไม่ได้ด้วยพระโมคคัลลานเถรเจ้าได้กระทำไว้แต่ก่อน
ครั้นหนึ่งเมื่อบารมีพระผู้เป็นเจ้ายังอ่อนอยู่นั้น เป็นบุรุษเลี้ยงมารดา มารดาตามืด ตกว่ามารดา
กับภรรยานั้นไม่เข้ากัน ฝ่ายว่าภรรยานั้นตั้งแต่จะยุยงใส่โทษมารดา วอนว่าแก่บุรุษผู้นั้น ให้
บุรุษนั้นไปปล่อยมารดาเสียในมรคาอันกันดาร บุรุษสามีนั้นหลงด้วยกลมารยา ก็พามารดาขึ้น
สู่เกวียนอันเทียมด้วยโค ขับเข็นมาถึงมรคากันดาร มารดาสิตามืด บุรุษนั้นก็กระทำกิริยาให้
เหมือนโจรตี ส่วนมารดาตามืดมีจิตนั้นสะดุ้งหวาดหวั่น สำคัญว่า โจรจริง จึงร้องว่า ตาต ดู
รานะลูกเอ๋ย เอาตัวรอดเถิด มารดานี้แก่แล้ว ตามทีมารดาเถิดลูกเอ๋ย ไปให้พ้น ตกว่าบุรุษ

ผู้นั้น ได้ฟังคำมารดา ก็คิดถึงคุณมารดาพามารดามาเลี้ยงไว้ดุจกาลก่อน ได้กระทำกรรมหลอก
หลอนประทุษร้ายมารดาไว้เท่านี้ ก็เป็นเวรตามตนมาทุก ๆ ชาติ แต่โจรตีตายมานี้หลายชาติ
กำหนดถึงห้าร้อยชาติ ตราบเท่าปัจฉิมชาติเป็นพระมหาโมคคัลลานะ เหตุดังนี้พระโมคคัลาน
เถรเจ้าถึงทรงไว้ซึ่งโลกุตรฤทธิ์ ก็มิอาจสู้รบป้องกันโจรได้ มหิยา ราชาโน เปรียบเหมือน
บรมกษัตริย์ทั้งหลายในพื้นพิภพปฐพี มีอานุภาพแผ่ไปแก่เสนาข้าราชการทั้งปวง ข้าราชการผู้
ใดผู้หนึ่งมิอาจสู้รบราชฤทธิ์ได้ และบรมกษัตริย์นั้น เมื่อคราวสิ้นบุญแล้ว กรรมาถึงก็มิอาจสู้
รบต้านทานซึ่งกรรมนั้นได้ ถ้ามิฉะนั้นอุปไมยดุจบุรุษผู้หนึ่งกระทำซึ่งความชั่วคือกระทำตัวเป็น
โจรปล้นสะดม ญาติพี่น้องบิดามารดาบ่ห่อนจะกระทำโทษได้ กระทำโทษแก่บุรุษผู้นั้นได้ก็
แต่พระมหากษัตริย์ ญาติบิดามารดาพี่ป้าน้าลุงนั้น มิอาจป้องกันตามทันเข้าเมื่อใด ก็มิอาจสู้
กรรมได้เปรียบเหมือนดังนั้น ใช่ว่าฤทธิ์โจรอันตีนั้นจะมากกว่าฤทธิ์พระโมคคัลลานะ นี้หามิได้
บพิตรจงเข้าพระทัยด้วยประการดังนี้
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี ได้ทรงฟังพระนาคเสนวิสัชนาดังนี้ก็ซ้องสาธุการว่า
สาธุ ดีแล้ว พระผู้เป็นเจ้า
อิทธิยา กัมมวิปากปัญหา คำรบ 1 จบเพียงนี้

โพธิสัตตัสส ธัมมตาปัญหา ที่ 2


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการถามถึงอรรถปัญหาแก่
พระนาคเสนต่อไปเล่าว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้า พระพุทธฎีกาโปรดไว้
ในธรรมปริยายนั้นว่า พระโพธิสัตว์เจ้ามีที่บารมีแก่กล้าคงจะสำเร็จแก่พระโพธิญาณแล้วนั้น มี
พระพุทธบิดาพระพุทธมารดา เกิดกับสำหรับกันทุกชาติกว่าจะได้ตรัสนั้น เป็นนิตยธรรมดา
อยู่ประการ 1 โพธิ อันว่าไม้ที่จะได้ตรัสนั้นก็บังเกิดทุกพระองค์ เป็นนิตยธรรมดากระนี้อยู่
ประการ 1 ท่านผู้ที่จะเป็นอัครสาวกนั้นก็เกิดสำหรับกันเป็นธรรมดากระนี้ประการ 1 บุตรนั้นก็
เกิดสำหรับกันเป็นธรรมดากระนี้ประการ 1 พระพุทธอุปฐากเล่าก็เกิดสำหรับกันมาเป็นธรรมดา
สืบ ๆ มาทุกพระองค์ประการ 1 ตกว่า ทรงพระกรุณามีพระพุทธฎีกาตรัสไว้ในธรรมปริยายนั้น
ปุน จ ตุมฺเห ภณถ บัดนี้พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโยมว่า พระบรมโพธิสัตว์เจ้าของเรานี้ เสด็จอยู่
ในดุสิตพิภพ เมื่อคำรบปัจฉิมชาติจะจุติลงมาตรัสนั้น ต้องพิจารณาซึ่งอัฏฐมหาวิโลกนะ 8