‘‘อปเรหิปิ , อุปาลิ, ปญฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา นานุยุญฺชิตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อธิกรณํ น ชานาติ, อธิกรณสมุฏฺฐานํ น ชานาติ, อธิกรณสฺส ปโยคํ น ชานาติ, อธิกรณสฺส วูปสมํ น ชานาติ, อธิกรณสฺส น วินิจฺฉยกุสโล โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา นานุยุญฺชิตพฺพํฯ
‘‘ปญฺจหุปาลิ, องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา อนุยุญฺชิตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อธิกรณํ ชานาติ, อธิกรณสมุฏฺฐานํ ชานาติ, อธิกรณสฺส ปโยคํ ชานาติ, อธิกรณสฺส วูปสมํ ชานาติ, อธิกรณสฺส วินิจฺฉยกุสโล โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา อนุยุญฺชิตพฺพ’’นฺติฯ
อตฺตาทานวคฺโค นิฏฺฐิโต ปญฺจโมฯ
ตสฺสุทฺทานํ –
ปริสุทฺธญฺจ กาเลน, การุญฺญํ โอกาเสน จ;
อตฺตาทานํ อธิกรณํ, อปเรหิปิ วตฺถุญฺจ;
สุตฺตํ ธมฺมํ ปุน วตฺถุญฺจ, อาปตฺติ อธิกรเณน จาติฯ
6. ธุตงฺควคฺโค
[443] ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, อารญฺญิกา’’ติ? ‘‘ปญฺจิเม, อุปาลิ, อารญฺญิกา [อ. นิ. 5.181; ปริ. 325]ฯ กตเม ปญฺจ? มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา อารญฺญิโก โหติ, ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อารญฺญิโก โหติ, อุมฺมาทา จิตฺตกฺเขปา อารญฺญิโก โหติ, วณฺณิตํ พุทฺเธหิ พุทฺธสาวเกหีติ อารญฺญิโก โหติ, อปิ จ อปฺปิจฺฉญฺเญว นิสฺสาย สนฺตุฏฺฐิญฺเญว นิสฺสาย – สลฺเลขญฺเญว นิสฺสาย ปวิเวกญฺเญว นิสฺสาย อิทมตฺถิตญฺเญว นิสฺสาย อารญฺญิโก โหติ – อิเม โข, อุปาลิ, ปญฺจ อารญฺญิกา’’ติฯ