เมนู

‘‘อจฺฉริยํ , ภนฺเต นาคเสน, อพฺภุตํ ภนฺเต นาคเสน, สุทสฺสิตํ การณํ, สุทสฺสิตํ โอปมฺมํ อกาเล มรณสฺส ปริทีปนาย, ‘อตฺถิ อกาเล มรณ’นฺติ อุตฺตานีกตํ ปากฏํ กตํ วิภูตํ กตํ, อจิตฺตวิกฺขิตฺตโกปิ, ภนฺเต นาคเสน, มนุโช เอกเมเกนปิ ตาว โอปมฺเมน นิฏฺฐํ คจฺเฉยฺย ‘อตฺถิ อกาเล มรณ’นฺติ , กิํ ปน มนุโช สเจตโน? ปฐโมปมฺเมเนวาหํ, ภนฺเต, สญฺญตฺโต ‘อตฺถิ อกาเล มรณ’นฺติ, อปิ จ อปราปรํ นิพฺพาหนํ โสตุกาโม น สมฺปฏิจฺฉิ’’นฺติฯ

อกาลมรณปญฺโห ฉฏฺโฐฯ

7. เจติยปาฏิหาริยปญฺโห

[7] ‘‘ภนฺเต นาคเสน, สพฺเพสํ ปรินิพฺพุตานํ เจติเย ปาฏิหีรํ โหติ, อุทาหุ เอกจฺจานํ เยว โหตี’’ติ? ‘‘เอกจฺจานํ, มหาราช, โหติ, เอกจฺจานํ น โหตี’’ติฯ ‘‘กตเมสํ, ภนฺเต, โหติ, กตเมสํ น โหตี’’ติ? ‘‘ติณฺณนฺนํ, มหาราช, อญฺญตรสฺส อธิฏฺฐานา ปรินิพฺพุตสฺส เจติเย ปาฏิหีรํ โหติฯ กตเมสํ ติณฺณนฺนํ? อิธ, มหาราช, อรหา เทวมนุสฺสานํ อนุกมฺปาย ติฏฺฐนฺโตว อธิฏฺฐาติ ‘เอวํนาม เจติเย ปาฏิหีรํ โหตู’ติ, ตสฺส อธิฏฺฐานวเสน เจติเย ปาฏิหีรํ โหติ, เอวํ อรหโต อธิฏฺฐานวเสน ปรินิพฺพุตสฺส เจติเย ปาฏิหีรํ โหติฯ

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, เทวตา มนุสฺสานํ อนุกมฺปาย ปรินิพฺพุตสฺส เจติเย ปาฏิหีรํ ทสฺเสนฺติ ‘อิมินา ปาฏิหีเรน สทฺธมฺโม นิจฺจสมฺปคฺคหิโต ภวิสฺสติ, มนุสฺสา จ ปสนฺนา กุสเลน อภิวฑฺฒิสฺสนฺตี’ติ, เอวํ เทวตานํ อธิฏฺฐานวเสน ปรินิพฺพุตสฺส เจติเย ปาฏิหีรํ โหติฯ

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อิตฺถี วา ปุริโส วา สทฺโธ ปสนฺโน ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี พุทฺธิสมฺปนฺโน โยนิโส จินฺตยิตฺวา คนฺธํ วา มาลํ วา ทุสฺสํ วา อญฺญตรํ วา กิญฺจิ อธิฏฺฐหิตฺวา เจติเย อุกฺขิปติ ‘เอวํนาม โหตู’ติ, ตสฺสปิ อธิฏฺฐานวเสน ปรินิพฺพุตสฺส เจติเย ปาฏิหีรํ โหติ, เอวํ มนุสฺสานํ อธิฏฺฐานวเสน ปรินิพฺพุตสฺส เจติเย ปาฏิหีรํ โหติฯ

‘‘อิเมสํ โข, มหาราช, ติณฺณนฺนํ อญฺญตรสฺส อธิฏฺฐานวเสน ปรินิพฺพุตสฺส เจติเย ปาฏิหีรํ โหติฯ

‘‘ยทิ, มหาราช, เตสํ อธิฏฺฐานํ น โหติ, ขีณาสวสฺสปิ ฉฬภิญฺญสฺส เจโตวสิปฺปตฺตสฺส เจติเย ปาฏิหีรํ น โหติ, อสติปิ , มหาราช, ปาฏิหีเร จริตํ ทิสฺวา สุปริสุทฺธํ โอกปฺเปตพฺพํ นิฏฺฐํ คนฺตพฺพํ สทฺทหิตพฺพํ ‘สุปรินิพฺพุโต อยํ พุทฺธปุตฺโต’’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติฯ

เจติยปาฏิหาริยปญฺโห สตฺตโมฯ

8. ธมฺมาภิสมยปญฺโห

[8] ‘‘ภนฺเต นาคเสน, เย เต สมฺมา ปฏิปชฺชนฺติ, เตสํ สพฺเพสํ เยว ธมฺมาภิสมโย โหติ, อุทาหุ กสฺสจิ น โหตี’’ติ? ‘‘กสฺสจิ, มหาราช, โหติ, กสฺสจิ น โหตี’’ติฯ ‘‘กสฺส ภนฺเต โหติ, กสฺส น โหตี’’ติ? ‘‘ติรจฺฉานคตสฺส, มหาราช, สุปฺปฏิปนฺนสฺสาปิ ธมฺมาภิสมโย น โหติ, เปตฺติวิสยูปปนฺนสฺส…เป.… มิจฺฉาทิฏฺฐิกสฺส…เป.… กุหกสฺส…เป.… มาตุฆาตกสฺส…เป.… ปิตุฆาตกสฺส…เป.… อรหนฺตฆาตกสฺส…เป.… สงฺฆเภทกสฺส…เป.… โลหิตุปฺปาทกสฺส…เป.… เถยฺยสํวาสกสฺส…เป.… ติตฺถิยปกฺกนฺตสฺส…เป.… ภิกฺขุนิทูสกสฺส…เป.… เตรสนฺนํ ครุกาปตฺตีนํ อญฺญตรํ อาปชฺชิตฺวา อวุฏฺฐิตสฺส…เป.… ปณฺฑกสฺส…เป.… อุภโตพฺยญฺชนกสฺส สุปฺปฏิปนฺนสฺสาปิ ธมฺมาภิสมโย น โหติ…เป.… โยปิ มนุสฺสทหรโก อูนกสตฺตวสฺสิโก, ตสฺส สุปฺปฏิปนฺนสฺสาปิ ธมฺมาภิสมโย น โหติฯ อิเมสํ โข, มหาราช, โสฬสนฺนํ ปุคฺคลานํ สุปฺปฏิปนฺนานมฺปิ ธมฺมาภิสมโย น โหตี’’ติฯ

‘‘ภนฺเต นาคเสน, เย เต ปนฺนรส ปุคฺคลา วิรุทฺธา เยว, เตสํ ธมฺมาภิสมโย โหตุ วา มา วา โหตุ, อถ เกน การเณน มนุสฺสทหรกสฺส อูนกสตฺตวสฺสิกสฺส สุปฺปฏิปนฺนสฺสาปิ ธมฺมาภิสมโย น โหติ? เอตฺถ ตาว ปญฺโห ภวติ ‘นนุ นาม ทหรกสฺส น ราโค โหติ, น โทโส โหติ, น โมโห โหติ, น มาโน โหติ, น มิจฺฉาทิฏฺฐิ โหติ, น อรติ โหติ, น กามวิตกฺโก โหติ, อมิสฺสิโต กิเลเสหิ, โส นาม ทหรโก ยุตฺโต จ ปตฺโต จ อรหติ จ จตฺตาริ สจฺจานิ เอกปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌิตุ’’’นฺติฯ