เมนู

6. กมฺมชาทิปญฺโห

[6] ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กตเม เอตฺถ กมฺมชา, กตเม เหตุชา, กตเม อุตุชา, กตเม น กมฺมชา, น เหตุชา, น อุตุชา’’ติ? ‘‘เย เกจิ, มหาราช, สตฺตา สเจตนา, สพฺเพ เต กมฺมชา; อคฺคิ จ สพฺพานิ จ พีชชาตานิ เหตุชานิ; ปถวี จ ปพฺพตา จ อุทกญฺจ วาโต จ, สพฺเพ เต อุตุชา; อากาโส จ นิพฺพานญฺจ อิเม ทฺเว อกมฺมชา อเหตุชา อนุตุชาฯ นิพฺพานํ ปน, มหาราช, น วตฺตพฺพํ กมฺมชนฺติ วา เหตุชนฺติ วา อุตุชนฺติ วา อุปฺปนฺนนฺติ วา อนุปฺปนฺนนฺติ วา อุปฺปาทนียนฺติ วา อตีตนฺติ วา อนาคตนฺติ วา ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ วา จกฺขุวิญฺเญยฺยนฺติ วา โสตวิญฺเญยฺยนฺติ วา ฆานวิญฺเญยฺยนฺติ วา ชิวฺหาวิญฺเญยฺยนฺติ วา กายวิญฺเญยฺยนฺติ วา, อปิ จ, มหาราช, มโนวิญฺเญยฺยํ นิพฺพานํ, ยํ โส สมฺมาปฏิปนฺโน อริยสาวโก วิสุทฺเธน ญาเณน ปสฺสตี’’ติฯ ‘‘รมณีโย, ภนฺเต นาคเสน, ปญฺโห สุวินิจฺฉิโต นิสฺสํสโย เอกนฺตคโต, วิมติ อุปฺปจฺฉินฺนา, ตฺวํ คณิวรปวรมาสชฺชา’’ติฯ

กมฺมชาทิปญฺโห ฉฏฺโฐฯ

7. ยกฺขปญฺโห

[7] ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อตฺถิ โลเก ยกฺขา นามา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, อตฺถิ โลเก ยกฺขา นามา’’ติฯ ‘‘จวนฺติ ปน เต, ภนฺเต, ยกฺขา ตมฺหา โยนิยา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, จวนฺติ เต ยกฺขา ตมฺหา โยนิยา’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน, ภนฺเต นาคเสน, เตสํ มตานํ ยกฺขานํ สรีรํ น ทิสฺสติ, กุณปคนฺโธปิ น วายตี’’ติ? ‘‘ทิสฺสติ, มหาราช, มตานํ ยกฺขานํ สรีรํ, กุณปคนฺโธปิ เตสํ วายติ, มตานํ, มหาราช, ยกฺขานํ สรีรํ กีฏวณฺเณน วา ทิสฺสติ, กิมิวณฺเณน วา ทิสฺสติ, กิปิลฺลิกวณฺเณน วา ทิสฺสติ, ปฏงฺควณฺเณน วา ทิสฺสติ, อหิวณฺเณน วา ทิสฺสติ, วิจฺฉิกวณฺเณน วา ทิสฺสติ, สตปทิวณฺเณน วา ทิสฺสติ, ทิชวณฺเณน วา ทิสฺสติ, มิควณฺเณน วา ทิสฺสตี’’ติฯ ‘‘โก หิ, ภนฺเต นาคเสน, อญฺโญ อิทํ ปญฺหํ ปุฏฺโฐ วิสชฺเชยฺย อญฺญตฺร ตวาทิเสน พุทฺธิมตา’’ติฯ

ยกฺขปญฺโห สตฺตโมฯ

8. อนวเสสสิกฺขาปทปญฺโห

[8] ‘‘ภนฺเต นาคเสน, เย เต อเหสุํ ติกิจฺฉกานํ ปุพฺพกา อาจริยา เสยฺยถิทํ, นารโท ธมฺมนฺตรี [ธนฺวนฺตรี (?)] องฺคิรโส กปิโล กณฺฑรคฺคิ สาโม อตุโล ปุพฺพกจฺจายโน, สพฺเพเปเต อาจริยา สกิํ เยว โรคุปฺปตฺติญฺจ นิทานญฺจ สภาวญฺจ สมุฏฺฐานญฺจ ติกิจฺฉญฺจ กิริยญฺจ สิทฺธาสิทฺธญฺจ สพฺพํ ตํ [สนฺตํ (ก.)] นิรวเสสํ ชานิตฺวา ‘อิมสฺมิํ กาเย เอตฺตกา โรคา อุปฺปชฺชิสฺสนฺตี’ติ เอกปฺปหาเรน กลาปคฺคาหํ กริตฺวา สุตฺตํ พนฺธิํสุ, อสพฺพญฺญุโน เอเต สพฺเพ, กิสฺส ปน ตถาคโต สพฺพญฺญู สมาโน อนาคตํ กิริยํ พุทฺธญาเณน ชานิตฺวา ‘เอตฺตเก นาม วตฺถุสฺมิํ เอตฺตกํ นาม สิกฺขาปทํ ปญฺญเปตพฺพํ ภวิสฺสตี’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อนวเสสโต สิกฺขาปทํ น ปญฺญเปสิ, อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมิํ อยเส ปากเฏ โทเส วิตฺถาริเก ปุถุคเต อุชฺฌายนฺเตสุ มนุสฺเสสุ ตสฺมิํ ตสฺมิํ กาเล สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปสี’’ติ?

‘‘ญาตเมตํ, มหาราช, ตถาคตสฺส ‘อิมสฺมิํ สมเย อิเมสุ มนุสฺเสสุ สาธิกํ ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ ปญฺญเปตพฺพํ ภวิสฺสตี’ติ, อปิ จ ตถาคตสฺส เอวํ อโหสิ ‘สเจ โข อหํ สาธิกํ ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ เอกปฺปหารํ ปญฺญเปสฺสามิ, มหาชโน สนฺตาสมาปชฺชิสฺสติ ‘พหุกํ อิธ รกฺขิตพฺพํ, ทุกฺกรํ วต โภ สมณสฺส โคตมสฺส สาสเน ปพฺพชิตุ’นฺติ, ปพฺพชิตุกามาปิ น ปพฺพชิสฺสนฺติ, วจนญฺจ เม น สทฺทหิสฺสนฺติ, อสทฺทหนฺตา เต มนุสฺสา อปายคามิโน ภวิสฺสนฺน-ติ อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมิํ ธมฺมเทสนาย วิญฺญาเปตฺวา ปากเฏ โทเส สิกฺขาปทํ ปญฺญเปสฺสามี’’’ติฯ ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต นาคเสน, พุทฺธานํ, อพฺภุตํ, ภนฺเต นาคเสน, พุทฺธานํ, ยาว มหนฺตํ ตถาคตสฺส สพฺพญฺญุตญาณํ, เอวเมตํ, ภนฺเต นาคเสน, สุนิทฺทิฏฺโฐ เอโส อตฺโถ ตถาคเตน, ‘พหุกํ อิธ สิกฺขิตพฺพ’นฺติ สุตฺวา สตฺตานํ สนฺตาโส อุปฺปชฺเชยฺย, เอโกปิ ชินสาสเน น ปพฺพเชยฺย, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติฯ

อนวเสสสิกฺขาปทปญฺโห อฏฺฐโมฯ