เมนู

อรรถกถาปริญญาวาระ


แม้ในปริญญาวาระ อันมีในลำดับต่อจากปวัตติมหาวาระนั้น มี
ประเภทแห่งกาล 6 อย่างเท่านั้น มีนัย 2 อย่างโดยอนุโลมและปฏิโลม
แต่ในวาระทั้ง 3 คือ ปุคคลวาระ โอกาสวาระ ปุคคโลกาสวาระ ย่อม
ได้บุคคลวาระเท่านั้น ไม่ได้วาระนอกนี้.
ถามว่า เพราะเหตุไร ?
ตอบว่า เพราะมีคำวิสัชชนาอย่างเดียวกัน.
ก็ถ้าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ย่อมรอบรู้รูปขันธ์ในที่ใดที่หนึ่งไซร้
ก็ย่อมรอบรู้แม้เวทนาขันธ์ ถ้าว่าย่อมรอบรู้เวทนาขันธ์ไซร้ ก็ย่อมรอบ
รู้แม้รูปขันธ์ ถ้าว่าบุคคลใดไม่รอบรู้รูปขันธ์ไซร้ ก็ย่อมไม่รอบรู้แม้
เวทนาขันธ์ ถ้าว่าไม่รอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์ ก็ย่อมไม่รอบรู้แม้รูปขันธ์
เพราะฉะนั้น ในวาระแม้เหล่านั้น พึงทราบว่า ย่อมไม่ได้วาระ 2
เหล่านั้น ในปริญญาวาระนี้ เพราะมีคำวิสัชชนาเหมือนกันว่า บุคคล
พึงทำการถามด้วยอำนาจคำถามเป็นต้นว่า ยตฺถ รูปกฺขนฺธํ ปริชานาติ
ตตฺถ เวทนากฺขนฺธํ ปริชานาติ
ดังนี้แล้ว พึงกระทำการวิสัชชนาว่า
อามนฺตา -ใช่ นั้นแหละ.
อีกอย่างหนึ่ง ปุคคลวาระ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว
ในปริญญาวาระนี้ว่า ชื่อว่า ปริญญากิจ ย่อมมีแก่บุคคลเท่านั้นไม่มี

แก่โอกาสะ บุคคลเท่านั้นสามารถเพื่อการรอบรู้ ไม่ใช่โอกาสะ เพราะ
เหตุนั้น จึงไม่ทรงถือเอาโอกาสวาระ ก็เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่
ทรงถือเอาโอกาสวาระนั้น ปุคคโลกาสวาระที่มีในลำดับแห่งโอกาส-
วาระ
นั้น แม้ได้อยู่ ก็ไม่ทรงถือเอา ก็บุคคลวาระนี้ใดทรงถือเอาแล้วใน
ปัจจุบันกาลยมกะ 10 อย่าง ด้วยการถือเอาอีก ในอนุโลมโดยนัยที่
กล่าวแล้วในหนหลังว่า ยมกที่มีรูปขันธ์เป็นมูล 4 เวทนาขันธ์เป็นมูล
3 สัญญาขันธ์เป็นมูล 2 สังขารขันธ์เป็นมูล 1 ในปฏิโลมนัยอีก 10
จึงรวมเป็นยมก 20 แม้ในกาลที่เหลือก็อย่างเดียวกัน เพราะฉะนั้น
พึงทราบการกำหนดพระบาลี ในปริญญาวาระนี้ว่า ยมก 120 ปุจฉา
240 อรรถ 480 ย่อมมีในกาลทั้ง 6 เพราะกระทำกาลหนึ่ง ๆ ให้
เป็น 20.
ก็ในการวินิจฉัยเนื้อความในปริญญาวาระนี้ อัทธา 3 คือ อดีต
อนาคต ปัจจุบัน ย่อมไม่ได้ด้วยอำนาจจุติและปฏิสนธิ เหมือนกันกับ
ปวัตติวาระ แต่ย่อมได้ด้วยอำนาจขณะแห่งจิตในปวัตติเท่านั้น เพราะ
เหตุนั้น ในปริญญาวาระนี้ ท่านจึงกระทำการวิสัชชนาว่า " ใช่ " ใน
คำถามทั้งหลาย เป็นต้นว่า บุคคลใดกำลังรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์ บุคคล
นั้นกำลังรอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์หรือ
บุคคลรู้อยู่ซึ่งขันธ์ใดขันธ์หนึ่งใน
ขันธ์ 5 เพราะยังปริญญากิจให้สำเร็จด้วยกิจอันมีนิพพานเป็นอารมณ์
ในโลกุตตรมรรค ย่อมกล่าวได้ว่า ย่อมรอบรู้แม้ขันธ์นอกนี้.

คำว่า ปริชานาติ = ย่อมรอบรู้ ในปริญญาวาระนี้ พึงทราบ
ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ใช่ เพราะทรงหมายเอาความพร้อม-
เพรียงแห่งมรรคอันเลิศ ( อรหัตตมรรค ) อันถึงซึ่งที่สุดแห่งปริญญา-
กิจ ในปัญหาทั้งหลายในอนุโลมนัย แต่ว่าในปฏิโลมนัย คำว่า
ปริชานาติ =ไม่ใช่กำลังรอบรู้
ในปัญหาทั้งหลายพระมีพระภาคเจ้า
ตรัสว่า ใช่ เพราะทั้งทรงหมายเอาบุคคลทั้งหลายมีปุถุชนเป็นต้น ส่วน
ในคำนี้ว่า ปริชานิตฺถ = เคยรอบรู้ ในอดีตกาล ได้แก่ บุคคลแม้
ดำรงอยู่ในผลอันเลิศในลำดับแห่งมรรค ชื่อว่า รอบรู้แล้วนั่นเที่ยว
เพราะสำเร็จปริญญากิจแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมตรัสถามซึ่งความ
พร้อมเพรียงแห่งมรรคอันเลิศด้วยปัญหาว่า บุคคลใดกำลังรอบรู้รูป
ขันธ์ บุคคลนั้นเคยรอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์หรือ
ก็เพราะบุคคลนี้ชื่อว่า
รู้อยู่ ( คือกำลังรู้) ซึ่งขันธ์ 5 เท่านั้น ( ยังไม่เคยรอบรู้) เพราะ
ปริญญากิจที่ตนยังไม่สำเร็จแล้วก่อน เหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึง
กระทำการปฏิเสธว่า โน = ไม่ใช่ ( หามิได้ ).
ส่วนในปัญหาที่ 2 พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมตรัสถามซึ่งพระ-
อรหัตต์ว่า ปริชานิตฺถ = รอบรู้แล้วหรือ ก็เพราะปริญญากิจที่ท่าน
กระทำสำเร็จแล้วไม่มีอยู่ เหตุนั้นชื่อว่ากิจที่ควรกำหนดรู้จึงไม่มีแก่พระ-
อรหันต์นั้น ฉะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงกระทำการปฏิเสธว่า โน =
ไม่ใช่
ในการวิสัชนาแห่งปฏิโลมนัยในทุติยปัญหานี้ว่า อรหา รูปกฺ-

ขนฺธํ ปริชานาติ = พระอรหันต์ไม่ใช่กำลังรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะความไม่มีเพื่อการรอบรู้ของพระ-
อรหันต์ หลายบทว่า บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรคอันเลิศ ( อร-
หัตมรรค ) ไม่รอบรู้แล้วซึ่งเวทนาขันธ์
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
แล้ว เพราะบุคคลผู้ดำรงอยู่ในอรหัตมรรค ยังไม่สำเร็จปริญญากิจ
อรหัตมรรคบุคคลนั้นย่อม (ยัง) ไม่เคยรอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์อย่างเดียว
เท่านั้นก็หามิได้ แม้ธรรมอย่างหนึ่งก็ไม่เคยรอบรู้ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสคำนี้ไว้ด้วยอำนาจคำถาม แม้คำนี้ว่า โน จ รูปกฺขนฺธํ พระ-
องค์ก็ตรัสแล้วด้วยอำนาจคำถามนั่นแหละ ก็อรหัตมรรคบุคคลนั้นย่อม
ไม่รอบรู้ซึ่งขันธ์แม้อื่น.
ปัญหาว่า บุคคลใดกำลังรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์ บุคคลนั้นก็จัก
รอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์หรือ
อธิบายว่า เพราะบุคคลผู้ดำรงอยู่ในมรรค
เป็นผู้มีขณะจิตเดียว ( คือมรรคจิตเกิดขณะเดียว ) ฉะนั้นบุคคลนั้น
ย่อมไม่ถึงซึ่งความนับว่า จักรอบรู้ เพราะเหตุนั้น พระองค์จึงตรัสว่า
โน = ไม่ใช่ หลายบทว่า เต รูปกฺขนฺธญฺจ น ปริชานิตฺถ =
บุคคลเหล่านั้นไม่เคยรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์ด้วย
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
แล้วด้วยคำถามที่เสมอกัน อธิบายในปัญหานี้ว่า บุคคลทั้งหลายไม่รู้แล้ว
(คือยังไม่รู้ ) บัณฑิตพึงทราบการวินิจฉัยเนื้อความในที่ทั้งปวงโดยอุบาย
นี้.
ปริญญาวาระ จบ
ขันธยมกะ จบ

อายตนยมกที่ 3


ปัณณัตติวาระ


[279] อายตนะ 12 คือ :-
1. จักขายตนะ
2. โสตายตนะ
3. ฆานายตนะ
4. ชิวหายตนะ
5. กายายตนะ
6. รูปายตนะ
7. สัททายตนะ
8. คันธายตนะ
9. รสายตนะ
10. โผฏฐัพพายตนะ
11. มนายตนะ
12. ธัมมายนตนะ.