เมนู

ขณิกกถา


[1878] สกวาที ธรรมทั้งปวงเป็นไปในขณะจิตหนึ่ง หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. มหาปฐพี มหาสมุทร ขุนเขาสิเนรุ น้ำ ไฟ ลม หญ้า
ไม้ และไม้เจ้าป่า ล้วนดำรงอยู่ในจิต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1879] ส. ธรรมทั้งปวงเป็นไปในขณะแห่งจิตหนึ่ง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักขายตนะเกิดพร้อมกับจักขุวิญญาณ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. จักขายตนะเกิดพร้อมกับจักขุวิญญาณ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวคำนี้ไว้ว่า อาวุโส จักขุ
อันเป็นธรรมภายใน ยังมิได้แตกไป แต่รูปอันเป็นธรรมภายนอกยังมิได้
มาสู่คลอง และการประมวลที่สมกันก็ยังไม่มี ความปรากฏแห่งความ
เป็นวิญญาณที่สมกันก็ยังไม่มีก่อน จักขุอันเป็นธรรมภายในยังมิได้แตก
ไปด้วย รูปอันเป็นธรรมภายนอกมาสู่คลองด้วย แต่การประมวลที่สมกัน
ยังไม่มี ความปรากฏแห่งความเป็นวิญญาณที่สมกันก็ยังไม่มีก่อน ก็ใน
กาลใดแล จักขุอันเป็นธรรมภายในยังมิได้แตกไปด้วย รูปอันเป็นธรรม
ภายนอกก็มาสู่คลองด้วย การประมวลที่สมกันก็มีด้วย อย่างนี้ความ
ปรากฏแห่งความเป็นวิญญาณที่สมกันจึงมี
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง

1. ม.มู.12/346.

มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า จักขายตนะเกิดพร้อม
กับจักขุวิญญาณ.
[1880] ส. โสตายตนะ ฯลฯ ฆานายตนะ ฯลฯ ชิวหายตนะ ฯลฯ
กายายตนะเกิดพร้อมกับกายวิญญาณ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. กายายตนะเกิดพร้อมกับกายวิญญาณ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวคำนี้ไว้ว่า อาวุโส กายอัน
เป็นธรรมภายในยังมิได้แตกไป แต่โผฏฐัพพะอันเป็นธรรมภายนอก
ยังไม่มาสู่คลอง และการประมวลที่สมกันก็ยังไม่มี ฯลฯ กายอันเป็นธรรม
ภายในยังมิได้แตกไปด้วย โผฏฐัพพะอันเป็นธรรมภายนอกก็มาสู่คลอง
ด้วย แต่การประมวลที่สมกันยังไม่มี ฯลฯ ก็ในกาลใดแล กายอันเป็น
ธรรมภายในยังมิได้แตกไปด้วย โผฏฐัพพะก็มาสู่คลองด้วย การประมวล
ที่สมกันก็มีด้วย อย่างนี้ ความปรากฏแห่งความเป็นวิญญาณที่สมกัน
จึงมี
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า กายายตนะเกิดพร้อม
กับกายวิญญาณ.
[1881] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ธรรมทั้งปวงเป็นไปในขณะจิตหนึ่ง
หรือ ?

ส. ถูกแล้ว.
ป. ธรรมทั้งปวง เที่ยง ยั่งยืน แน่นอน มีอันไม่แปรปรวน
ไปเป็นธรรมดา หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ป. ถ้าอย่างนั้น ธรรมทั้งปวงก็เป็นไปในขณะจิตหนึ่ง
น่ะสิ.
ขณิกกถา จบ

อรรถกถาขณิกกถา


ว่าด้วย ธรรมทั้งปวงเป็นไปชั่วขณะ


บัดนี้ ชื่อว่าธรรมทั้งปวงเป็นไปชั่วขณะ คือหมายถึงขณะจิต. ใน
ปัญหานั้น สังขตธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง เพราะฉะนั้น สังขตธรรม
เหล่านั้น จึงเป็นไปชั่วขณะจิตหนึ่งเท่านั้น. ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจ
ลัทธิของนิกายปุพพเสลิยะ และอปรเสลิยะทั้งหลายว่า ก็เมื่อความไม่เที่ยง
มีอยู่ ธรรมอย่างหนึ่งแตกดับไปเร็ว ธรรมอย่างหนึ่งแตกดับไปช้า ดังนี้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อะไรเล่าเป็นสภาพแตกต่างกันในที่นี้ ดังนี้ คำถามของ
สกวาทีว่า ธรรมทั้งปวงเป็นไปในขณะแห่งจิตอันหนึ่งหรือ ดังนี้ หมายถึง
ชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที.
ในคำทั้งหลายมีคำเป็นต้นว่า มหาปฐพี.....ล้วนดำรงอยู่ในจิตหรือ
ปรวาทีเมื่อไม่เห็นการดำรงอยู่แห่งมหาปฐพีเป็นต้นเหล่านั้น ฉะนั้น จึง
ตอบปฏิเสธ. คำว่า จักขวายตนะ เป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อท้วงว่า ผิว่า
ธรรมทั้งปวงพึงมีชั่วขณะจิตเดียวไซร้ อายตนะทั้งหลายมีจักขวายตนะ