เมนู

ความดำริชอบอันบุคคลเสพแล้ว อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ฯลฯ ความ
ตั้งใจชอบ อันบุคคลเสพแล้วโดยมาก อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อม
หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะที่เป็นไปในเบื้องหน้า มีอมตะเป็นปริโยสาน

ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ความเป็นอาเสวนปัจจัยบางอย่าง ก็มีอยู่
น่ะสิ.
อาเสวนปัจจยตากถา จบ

อรรถกถาอาเสวนปัจจยตากถา


ว่าด้วย ความเป็นอาเสวนปัจจัย


บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องความเป็นอาเสวนปัจจัย คือ ความเป็นปัจจัย
เพราะการซ่องเสพ. ในปัญหานั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธิของ
นิกายอุตตราปถกะบางพวกนั้นนั่นแหละว่า ธรรมทั้งปวงเป็นชั่วขณะ
ธรรมอะไร ๆ ตั้งอยู่แม้ครู่หนึ่งแล้ว ชื่อว่า ซ่องเสพซึ่งอาเสวนปัจจัย
หามีไม่ เพราะฉะนั้นความเป็นอาเสวนปัจจัยไม่มีอยู่โดยแท้ อนึ่ง ธรรม
อะไร ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วหาความเป็นอาเสวนปัจจัย ก็ไม่ได้ ดังนี้ คำถาม
ของสกวาที หมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น
สกวาทีเพื่อจะให้ปรวาทีนั้นรู้ด้วยพระสูตรนั่นแหละ จึงนำพระสูตรมาว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปาณาติบาตอันบุคคล
ซ่องเสพแล้ว
ดังนี้เป็นต้น มิใช่หรือ ? พระสูตรทั้งปวงนั้น มีอรรถตื้น
ทั้งนั้นแล.
อรรถกถาอาเสวนปัจจยตากถา จบ

ขณิกกถา


[1878] สกวาที ธรรมทั้งปวงเป็นไปในขณะจิตหนึ่ง หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. มหาปฐพี มหาสมุทร ขุนเขาสิเนรุ น้ำ ไฟ ลม หญ้า
ไม้ และไม้เจ้าป่า ล้วนดำรงอยู่ในจิต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1879] ส. ธรรมทั้งปวงเป็นไปในขณะแห่งจิตหนึ่ง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักขายตนะเกิดพร้อมกับจักขุวิญญาณ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. จักขายตนะเกิดพร้อมกับจักขุวิญญาณ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวคำนี้ไว้ว่า อาวุโส จักขุ
อันเป็นธรรมภายใน ยังมิได้แตกไป แต่รูปอันเป็นธรรมภายนอกยังมิได้
มาสู่คลอง และการประมวลที่สมกันก็ยังไม่มี ความปรากฏแห่งความ
เป็นวิญญาณที่สมกันก็ยังไม่มีก่อน จักขุอันเป็นธรรมภายในยังมิได้แตก
ไปด้วย รูปอันเป็นธรรมภายนอกมาสู่คลองด้วย แต่การประมวลที่สมกัน
ยังไม่มี ความปรากฏแห่งความเป็นวิญญาณที่สมกันก็ยังไม่มีก่อน ก็ใน
กาลใดแล จักขุอันเป็นธรรมภายในยังมิได้แตกไปด้วย รูปอันเป็นธรรม
ภายนอกก็มาสู่คลองด้วย การประมวลที่สมกันก็มีด้วย อย่างนี้ความ
ปรากฏแห่งความเป็นวิญญาณที่สมกันจึงมี
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง

1. ม.มู.12/346.