เมนู

กาลก่อน จะแปลงให้เป็นอสังกิเลสิกะในภายหลังได้หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สาสนากถา จบ

อรรถกถาสาสนกถา


ว่าด้วย ศาสนา


บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องศาสนา คือคำสั่งสอน หรือพระธรรมวินัย. ชน
เหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายอุตตราปถกะบางพวกว่า ศาสนา
แต่งขึ้นใหม่ด้วย ว่าบุคคลบางคนย่อมแปลงศาสนาของพระตถาคตขึ้นใหม่
ด้วย ว่า ศาสนาของพระตถาคตบุคคลสามารถแต่งใหม่ได้ด้วย ทั้งนี้ โดย
หมายเอาการสังคายนาทั้ง 3 ครั้ง ดังนี้ คำถามของสกวาทีในกถาแม้ทั้ง
3 หมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที.
คำว่า สติปัฏฐานได้แปลงใหม่หรือ เป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อ
ติเตียนปัญหาแม้ทั้ง 3 ด้วยคำว่า อริยธรรมทั้งหลายมีสติปัฏฐานเป็นต้น
ก็ดี เทศนาแห่งกุศลธรรมเป็นต้นก็ดี ชื่อว่าศาสนา ในศาสนานั้น เว้น
ธรรมทั้งหลายมีสติปัฏฐานเป็นต้นที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแก่ชน
เหล่าใดแล้ว ศาสนาชื่อว่าอันบุคคลนั้นทำขึ้นใหม่โดยการกระทำธรรม
เหล่าอื่นให้เป็นสติปัฏฐานเป็นต้น หรือกระทำอกุศลธรรมเป็นต้นให้เป็น
กุศลธรรมเป็นต้น หรือว่าศาสนาอันใคร ๆ กระทำแล้วอย่างนั้นมีอยู่
หรือพึงอาจเพื่อทำอย่างนั้นได้มีอยู่หรือ ดังนี้. คำที่เหลือในที่ทั้งปวงพึงทราบ
ตามพระบาลีนั่นแล.
อรรถกถาสาสนกถา จบ

อวิวิตตกถา


[1836] สกวาที ปุถุชนไม่สงัดแล้วจากธรรมมีธาตุ 3 หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. ปุถุชนไม่สงัดแล้วจากผัสสะมีธาตุ 3 ฯลฯ จากเวทนา
จากสัญญา จากเจตนา จากจิต จากศรัทธา จากวิริยะ จากสติ จากสมาธิ
จากปัญญา มีธาตุ 3 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ปุถุชนไม่สงัดแล้วจากธรรมมีธาตุ 3 หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ในขณะใดปุถุชนใดจีวร ในขณะนั้นก็เข้าถึงปฐมฌาน
อยู่ ฯลฯ เข้าถึงอากาสานัญจายตนสมาบัติอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ในขณะใดปุถุชนให้บิณฑบาต ฯลฯ ให้เสนาสนะ ฯลฯ
ให้คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร ในขณะนั้นก็เข้าถึงจตุตถฌานอยู่ ก็เข้าถึง
เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1837] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ปุถุชนไม่สงัดแล้วจากธรรมมีธาตุ 3
หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. กรรมอันจะให้เข้าถึงรูปธาตุ และอรูปธาตุ อันปุถุชน
กำหนดรู้แล้ว หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ