เมนู

ญาณกถา


[1831] สกวาที ญาณโกุตตระมีวัตถุ 2 หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. โลกุตตรญาณเป็น 12 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โลกุตตรญาณเป็น 12 อย่าง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. โสดาปัตติมรรคเป็น 12 อย่าง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โสดาปัตติมรรคเป็น 12 อย่าง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. โสดาปัตติผลเป็น 12 อย่าง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สกทาคามิมรรคเป็น 12 อย่าง ฯลฯ อนาคามิมรรค
ฯลฯ อรหัตมรรคเป็น 2 อย่าง หรือ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อรหัตมรรคเป็น 12 อย่าง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อรหัตมรรคเป็น 12 อย่าง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

[1832] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ญาณโลกุตตระมีวัตถุ 12 หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
จักษุเกิดขึ้นแล้ว ญาณเกิดขึ้นแล้ว วิชชาเกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว
แก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยได้ยินในกาลก่อนว่า นี้ทุกข์ เป็น
ของจริงอย่างประเสริฐดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุเกิดขึ้นแล้ว ฯลฯ
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว แก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยได้ยินในกาล
ก่อนว่า ก็ทุกข์อันเป็นของจริงอย่างประเสริฐนี้นั้นแล อันเราพึงกำหนด
รู้ ดังนี้ ฯลฯ ก็ทุกข์อันเป็นของจริงอย่างประเสริฐนี้นั้นแล อันเรากำหนด
รู้แล้ว ดังนี้ ฯลฯ ว่า นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นของจริงอย่างประเสริฐ
ดังนี้ ฯลฯ ว่า เหตุเกิดขึ้นแห่งทุกข์อันเป็นของจริงอย่างประเสริฐนี้นั้นแล
อันเราพึงละเสีย ดังนี้ ฯลฯ ว่า เหตุเกิดขึ้นแห่งทุกข์อันเป็นของจริงอย่าง
ประเสริฐนี้นั้นแล อันเราละแล้ว ฯลฯ ว่า นี้ธรรมเป็นที่ดับทุกข์ เป็น
ของจริงอย่างประเสริฐ ดังนี้ ฯลฯ ว่าธรรมเป็นที่ดับทุกข์อันเป็นของจริง
อย่างประเสริฐนี้นั้นแล อันเราพึงทำให้แจ้ง ดังนี้ ฯลฯ ว่า ธรรมเป็นที่
ดับทุกข์อันเป็นของจริงอย่างประเสริฐนี้นั้น อันเราทำให้แจ้งแล้ว ดังนี้
ฯลฯ ว่า นี้ปฏิปทาอันให้ถึงธรรมเป็นที่ดับทุกข์ เป็นของจริงอย่างประเสริฐ
ดังนี้ ฯลฯ ว่า ปฏิปทาอันให้ถึงธรรมเป็นที่ดับทุกข์ อันเป็นของจริง
อย่างประเสริฐนี้นั้น อันเราพึงให้เกิด ดังนี้ ฯลฯ ว่า ปฏิปทาอันให้ถึง
ธรรมเป็นที่ดับทุกข์ อันเป็นของจริงอย่างประเสริฐนี้นั้นแล อันเราให้
เกิดแล้ว
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.

ป. ถ้าอย่างนั้น ญาณโลกุตตระ ก็มีวัตถุ 12 น่ะสิ.
ญาณกถา จบ

อรรถกถาญาณกถา


ว่าด้วย ญาณ


บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องญาณ. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิด
ดุจลัทธินิกายปุพพเสลิยะ อปรเสลิยะทั้งหลายว่า ญาณมีวัตถุ 12
โดยหมายเอาญาณมีอาการ 12 ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตรว่าเป็น
โลกุตตรญาณ ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบ
รับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวคำว่า ญาณโลกุตตระ
วัตถุ 12 หรือ เพื่อท้วงด้วยคำว่า ถ้าโลกุตตรญาณนั้นมีวัตถุ 12 ไซร้
มรรคญาณทั้งหลายก็พึงมี 12 ดังนี้ ปรวาทีตอบปฏิเสธหมายเอาโลกุตตรญาณ
นั้นเป็นสภาพเดียวกันกับมรรคญาณ. และตอบปฏิเสธหมายเอาความ
ต่างกันแห่งญาณในแต่ละสัจจะด้วยสามารถเเห่งสัจจญาณ กิจจญาณ
และกตญาณทั้งหลาย. ในคำว่า โสดาปัตติมรรคเป็น 12 หรือ ก็นัยนี้
นั่นแหละ. พระสูตรว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย จักษุเกิดขึ้นแล้ว ญาณเกิดขึ้นแล้ว ฯลฯ มิใช่หรือ ดังนี้ ย่อม
แสดงถึงความแตกต่างกันแห่งญาณอันเป็นส่วนเบื้องต้นและเบื้องปลาย
ที่ได้บรรลุ มิใช่แสดงซึ่งความที่อริยมรรคว่ามี 12 ฉะนั้น พระสูตรนี้
จึงมิใช่ข้ออ้างว่าญาณโลกกุตตระมีวัตถุ 12 ดังนี้แล.
อรรถกถาญาณกถา จบ