เมนู

อัจจันตนิยามกถา



[1792] สกวาที ปุถุชนมีความแน่นอนโดยส่วนเดียว หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. บุคคลทำมาตุฆาตเป็นแน่นอนโดยส่วนเดียว บุคคล
ผู้ทำปิตุฆาต ฯลฯ บุคคลผู้ทำอรหันตฆาต ฯลฯ บุคคลทำโลหิตุปบาท
บุคคลผู้ทำสังฆเภท เป็นผู้แน่นอนโดยส่วนเดียว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ปุถุชนมีความแน่นอนโดยส่วนเดียว หรือ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิจิกิจฉา พึงเกิดแก่บุคคลแน่นอนโดยส่วนเดียว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า วิจิกิจฉา พึงเกิดแก่บุคคลผู้แน่นอนโดยส่วน
เดียว ก็ต้องไม่กล่าวว่า ปุถุชนมีความแน่นอนโดยส่วนเดียว.
[1793] ส. วิจิกิจฉา ไม่พึงเกิดแก่บุคคลแน่นอนโดยส่วนเดียว
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ละวิจิกิจฉาได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ละวิจิกิจฉาได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ละได้ด้วยโสดาปัตติมรรค หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

ส. ละได้ด้วยสกทาคามิมรรค ฯลฯ ละได้ด้วยอนาคา-
มิมรรค ฯลฯ ละได้ด้วยอรหัตมรรค หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ละได้ด้วยมรรคไหน.
ป. ด้วยมรรคฝ่ายอกุศล.
ส. มรรคฝ่ายอกุศลเป็นธรรมนำออก ให้ถึงความสิ้น
ทุกข์ ให้ถึงความตรัสรู้ ให้ถึงนิพพาน ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ ฯลฯ
ไม่เป็นอารมณ์ของสังกิเลส หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. มรรคฝ่ายอกุศลไม่เป็นธรรมนำออก ฯลฯ เป็นอารมณ์
ของสังกิเลส มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า มรรคฝ่ายอกุศลไม่เป็นธรรมนำออก ฯลฯ
เป็นอารมณ์ของสังกิเลส ก็ต้องไม่กล่าวว่า วิจิกิจฉา อันบุคคลผู้แน่นอน
โดยส่วนเดียวละได้ด้วยมรรคฝ่ายอกุศล.
[1794] ส. อุจเฉททิฏฐิพึงเกิดแก่บุคคลผู้แน่นอนโดยสัสสตทิฏฐิ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อุจจเฉททิฏฐิพึงเกิดแก่บุคคลผู้แน่นอนโดย
สัสสตทิฏฐิ ก็ต้องไม่กล่าวว่า ปุถุชนมีความแน่นอนโดยส่วนเดียว.
[1795] ส. อุจจเฉททิฏฐิไม่พึงเกิดแก่บุคคลผู้แน่นอนโดยสัสสตทิฏฐิ
หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. ละอุจเฉททิฏฐิได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ละอุจเฉททิฏฐิได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ละได้ด้วยโสดาปัตติมรรค หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ละได้ด้วยสกทาคามิมรรค ฯลฯ ด้วยอนาคามิมรรค
ฯลฯ ด้วยอรหัตมรรค หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ละได้ด้วยมรรคไหน.
ป. ละได้ด้วยมรรคฝ่ายอกุศล.
ส. มรรคฝ่ายอกุศล ฯลฯ ก็ต้องไม่กล่าวว่า อุจเฉททิฏฐิ
อันบุคคลผู้แน่นอนโดยสัสสตทิฏฐิละได้ด้วยมรรคฝ่ายอกุศล.
[1796] ส. สัสสตทิฏฐิพึงเกิดแก่บุคคลผู้แน่นอนโดยอุจเฉททิฏฐิ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า สัสสตทิฏฐิพึงเกิดแก่บุคคลผู้แน่นอนโดยอุจ-
เฉททิฏฐิ ก็ต้องไม่กล่าวว่า ปุถุชนมีความแน่นอนโดยส่วนเดียว.
[1797] ส. สัสสตทิฏฐิไม่พึงเกิดแก่บุคคลผู้แน่นอนโดยอุจเฉททิฏฐิ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. ละสัสสตทิฏฐิได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ละสัสสตทิฏฐิได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ละได้ด้วยโสดาปัตติมรรค หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ละได้ด้วยสกทาคามิมรรค ฯลฯ ด้วยอรหัตมรรค
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ด้วยมรรคไหน ?
ป. ด้วยมรรคฝ่ายอกุศล.
ส. มรรคฝ่ายอกุศล ฯลฯ ก็ต้องไม่กล่าวว่า สัสสตทิฏฐิ
อันบุคคลผู้แน่นอนโดยอุจจเฉททิฏฐิ ละได้ด้วยมรรคฝ่ายอกุศล.
[1798] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ปุถุชนมีความแน่นอนโดยส่วนเดียว
หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสได้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมฝ่ายอกุศล เป็นธรรมดำ
โดยส่วนเดียว บุคคลนั้นเป็นผู้จมลงแล้วครั้งหนึ่ง ก็จมลงอยู่นั่นเอง

ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.

1. อง. สัตตก. 23/15.

ป. ถ้าอย่างนั้น ปุถุชนก็มีความแน่นอนโดยส่วนเดียว
น่ะสิ.
[1799] ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมฝ่ายอกุศล เป็นธรรมดำ
โดยส่วนเดียว บุคคลนั้นเป็นผู้จมลงแล้วครั้งหนึ่ง ก็จมอยู่นั่นเอง
เพราะ
ทำอธิบายดังนี้ และโดยเหตุนั้น ท่านสันนิษฐานว่า ปุถุชนมีความ
แน่นอนโดยส่วนเดีว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บุคคลบางคนในโลกนี้ ผุดขึ้นแล้ว กลับจมลง
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง
มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผุดขึ้นแล้ว กลับจมลงทุกครั้ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1800] ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมฝ่ายอกุศล เป็นธรรมดำ
โดยส่วนเดียว เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมฝ่ายอกุศล เป็นธรรมดำโดย
ส่วนเดียว บุคคลนั้นเป็นผู้จมลงแล้วครั้งหนึ่ง ก็จมอยู่นั่นเอง
เพราะ
ทำอธิบายดังนี้ และโดยเหตุนั้น ท่านจึงสันนิษฐานว่า ปุถุชนมีความ
แน่นอนโดยส่วนเดียว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

บุคคลบางคนในโลกนี้ ผุดขึ้นแล้วทรงตัวอยู่ ผุดขึ้นแล้วเห็นแจ้งเหลียวแล
ดูว่ายข้ามไป ผุดขึ้นแล้ว ไปถึงที่พำนักได้
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผุดขึ้นแล้ว ไปถึงที่พำนักได้ทุกครั้ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
อัจจันตนิยามกถา จบ

อรรถกถาอัจจันตนิยามกถา



ว่าด้วย ความแน่นอนโดยส่วนเดียว



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องความแน่นอนโดยส่วนเดียว คือนิยามอันเป็นที่สุด
มีอย่างเดียว. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายอุตตราปถกะ
บางพวกว่า ปุถุชนมีความแน่นอนโดยส่วนเดียว เพราะอาศัยพระสูตร
ว่า บุคคลนั้น คือผู้ประกอบด้วยธรรมฝ่ายอกุศลเป็นธรรมดำโดยส่วน
เดียว เป็นผู้จมลงแล้วครั้งหนึ่ง ก็จมอยู่นั่นเอง
ดังนี้ คำถามของสกวาที
หมายชนเหล่านั้น คำตอบเป็นของปรวาที. คำว่า บุคคลผู้ทำมาตุฆาต
เป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อท้วงว่า เมื่อมิจฉัตตนิยามแห่งนิยตมิจฉาทิฏฐิ
บุคคลด้วย บุคคลผู้ทำกรรมทั้งหลายมีฆ่ามารดาเป็นต้นด้วย มีอยู่ แม้
บุคคลผู้ฆ่ามารดาเป็นต้นเหล่านั้นก็พึงเป็นผู้แน่นอนที่สุดมิใช่หรือ ดังนี้.
ปรวาทีตอบปฏิเสธว่า ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น เพราะลัทธิว่า บุคคลผู้เป็น
นิยตมิจฉาทิฏฐินี้เป็นผู้มั่นคงในสังสารวัฏ เป็นผู้เที่ยงแท้แม้ในภพที่สอง
แต่ว่าบุคคลเหล่านี้เป็นผู้เที่ยงแท้ในอัตภาพเดียวเท่านั้น ดังนี้.