เมนู

ฌานันตริกกถา



[1755] สกวาที ฌานคั่นมีอยู่ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. ผัสสะคั่นมีอยู่ หรือ ฯลฯ ปัญญาคั่นมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ฌานคั่นมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ฌานคั่นมีอยู่ในระหว่างทุติยฌานและตติยฌาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ฌานคั่นมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ฌานคั่นมีอยู่ในระหว่างตติยฌานและจตุตถฌาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1756] ส. ฌานคั่นไม่มีในระหว่างทุติยฌานและตติยฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า ฌานคั่นไม่มีในระหว่างทุติยฌานและตติยฌาน
ก็ต้องไม่กล่าวว่าฌานคั่นมีอยู่.
ส. ฌานคั่นไม่มีในระหว่างตติยฌานและจตุตถฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า ฌานคั่นไม่ มีในระหว่างตติยฌาน และจตุตถฌาน
ก็ต้องไม่กล่าวว่า ฌานคั่นมีอยู่.
[1757] ส. ฌานคั่นมีอยู่ในระหว่างปฐมฌานและทุติยฌาน หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. ฌานคั่นมีอยู่ในระหว่างทุติยฌานสละตติยฌาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ฌานคั่นมีอยู่ในระหว่างปฐมฌานและทุติยฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ฌานคั่นมีอยู่ในระหว่างตติยฌานและจตุตถฌาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1758] ส. ฌานคั่นไม่มีในระหว่างทุติยฌานและตติยฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ฌานคั่นไม่มีในระหว่างปฐมฌานและทุติยฌาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ฌานคั่นไม่มีในระหว่างตติยฌานละจตุตถฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ฌานคั่นไม่มีในระหว่างปฐมฌานและทุติยฌาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1759] ส. สมาธิไม่มีวิตกมีแต่วิจารเป็นฌานคั่น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สมาธิมีวิตกมีวิจารเป็นฌานคั่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สมาธิที่ไม่มีวิตก มีแต่วิจารเป็นฌานคั่น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สมาธิที่ไม่มีวิตกไม่มีวิจารเป็นฌานคั่น หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1760] ส. สมาธิที่มีวิตกมีวิจารไม่เป็นฌานคั่น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารไม่เป็นฌานคั่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่างอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สมาธิที่ไม่มีวิตกไม่มีวิจารไม่เป็นฌานคั่น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารไม่เป็นฌานคั่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1761] ส. สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารมีในระหว่างฌานทั้งสอง
ที่บังเกิดเป็นแผ่น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อสมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารเป็นไปอยู่ ปฐมฌาน
ดับไปแล้ว ทุติยฌานก็ยังไม่บังเกิดขึ้น มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เมื่อสมาธิทีไม่มีวิตกมีแต่วิจารเป็นไปอยู่ ปฐมฌาน
ปฐมฌานดับไปแล้ว ทุติยฌานก็ยังไม่บังเกิดขึ้น ก็ต้องไม่กล่าวว่า สมาธิ
ที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารเป็นฌานคั่น มีอยู่ในระหว่านฌานทั้งสองที่บังเกิด
เป็นแผ่น.
[1762] ป. สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารไม่เป็นฌานคั่น หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารเป็นปฐมฌาน ฯลฯ เป็น

ทุติยฌาน ฯลฯ เป็นตติยฌาน ฯลฯ เป็นจตุตถฌาน หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ป. ถ้าอย่างนั้น สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจาร ก็เป็นฌานคั่น
น่ะสิ.
[1763] ส. สมาธิไม่มีวิตกมีแต่วิจารเป็นฌานคั่น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสสมาธิไว้ 3 อย่าง คือ
สมาธิที่มีวิตก มีวิจาร, สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจาร, สมาธิที่ไม่มีวิตกไม่มี
วิจาร
มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสสมาธิไว้ 3 อย่าง
คือสมาธิที่มีวิตกมีวิจาร สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจาร สมาธิที่ไม่มีวิตก
ไม่มีวิจาร ก็ต้องไม่กล่าวว่า สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารเป็นฌานคั่น.
ฌานันตริกกถา จบ

อรรถกถาฌานันตริกกถา



ว่าด้วย ฌานคั่น



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องฌานคั่น. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิด
ดุจลัทธินิกายสมิติยะและอันธกะทั้งหลายบางพวกว่า ผู้ไม่รู้โอกาส คือ
การปรากฏ แห่งสมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารในลัทธิปัญจกนัยที่ พระผู้มี-
พระภาคเจ้าทรงจำแนกฌาน 5 อย่าง สมาธิทั้งสิ้นทรงยกขึ้นแสดงไว้
3 อย่าง
ข้อนี้ชื่อว่าฌานคั่นในระหว่างฌานที่ 1 และฌานที่ 2 ดังนี้