เมนู

ฌานสังกันติกถา



[1750] สกวาที โยคีบุคคลเลื่อนสู่ฌานหนึ่ง จากฌานหนึ่ง หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. เลื่อนสู่ตติยฌาน จากปฐมฌานได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โยคีบุคคลเลื่อนสู่ฌานหนึ่ง จากฌานหนึ่ง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เลื่อนสู่จตุตถฌาน จากทุติยฌานได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1751] ส. เลื่อนสู่ทุติยฌาน จากปฐมฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจ อันใด เพื่อความเกิดขึ้น
แห่งปฐมฌาน ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจอันนั้น เพื่อความเกิดขึ้นแห่ง
ทุติยฌาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โยคีบุคคลเคลื่อนทุติยฌาน จากปฐมฌานแล แต่
ไม่พึงกล่าวว่า ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจอันใด เพื่อความเกิดขึ้นแห่ง
ปฐมฌาน ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจอันนั้นแล เพื่อความเกิดขึ้นแห่ง
ทุติยฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทุติยฌาน เกิดขึ้นได้แก่โยคีบุคคลผู้ไม่นึกถึงอยู่ ฯลฯ
เกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้ไม่ตั้งใจอยู่ หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ทุติยฌานย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้นึก ฯลฯ ย่อม
เกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผูตั้งใจ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า ทุติยฌานย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้นึกถึงอยู่
ฯลฯ ย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้ตั้งใจอยู่ ก็ต้องไม่กล่าวว่า โยคีบุคคลเลื่อน
สู่ทุติยฌาน จากปฐมฌาน.
ส. โยคีบุคคลเลื่อนสู่ทุติยฌาน จากปฐมฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปฐมฌานย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคล ผู้กระทำไว้ในใจ
ซึ่งกามทั้งหลายโดยความเป็นของมีโทษ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทุติยฌาน ก็เกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้ทำไว้ในใจซึ่งกาม
ทั้งหลาย โดยความเป็นของมีโทษ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทุติยฌานก็มีวิตก มีวิจาร หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โยคีบุคคลเลื่อนสู่ทุติยฌาน จากปฐมฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปฐมฌานอันนั้น ทุติยฌานก็อันนั้นแล หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1752] ส. โยคีบุคคลเลื่อนสู่ตติยฌานจากทุติยฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจ อันใด เพื่อความเกิดขึ้น
แห่งทุติยฌาน ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจอันนั้นแล เพื่อความเกิดขึ้นแห่ง
ตติยฌาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โยคีบุคคลเลื่อนสู่ตติยฌานจากทุติยฌานแล แต่ไม่
พึงกล่าวว่า ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจอันใด เพื่อความเกิดขึ้นแห่ง
ทุติยฌาน ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจอันนั้นแล เพื่อความเกิดขึ้นแห่ง
ตติยฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ตติยฌาน ย่อมเกิดขึ้นแกโยคีบุคคลผู้ไม่นึกถึงอยู่ ฯลฯ
เกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้ไม่ตั้งใจอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ตติยฌานย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้นึกถึงอยู่ ฯลฯ
ย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้ตั้งใจอยู่ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า ตติยฌานย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้นึกถึง
อยู่ ฯลฯ ย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้ตั้งใจอยู่ ก็ต้องไม่กล่าวว่า โยคีบุคคล
เลื่อนสู่ตติยฌาน จากทุติยฌาน.
ส. โยคีบุคคลเลื่อนสู่ตติยฌานจากทุติยฌาน หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. ทุติยฌาน ย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้กระทำไว้ในใจ
ซึ่งวิตก และวิจารโดยความเป็นธรรมมีโทษ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ตติยฌาน ย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้กระทำไว้ในใจ
ซึ่งวิตก และวิจารโดยความเป็นธรรมมีโทษ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ทุติยฌาน ยังมีปีติ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ตติยฌาน ก็ยังมีปีติ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โยคีบุคคลเลื่อนสู่ตติยฌานจากทุติยฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทุติยฌานอันนั้น ตติยฌานก็อันนั้นแล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1753] ส. โยคีบุคคลเลื่อนสู่จตุตถฌานจากตติยฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจ อันใด เพื่อความเกิดขึ้น
แห่งตติยฌาน ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจอันนั้นแล เพื่อความเกิดขึ้นแห่ง
จตุตถฌาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โยคีบุคคลเลื่อนสู่จตุตถฌานจากตติยฌานแล แต่ไม่

พึงกล่าวว่า ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจอันใด เพื่อความเกิดขึ้นแห่งตติยฌาน
ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจอันนั้นแล เพื่อความเกิดขึ้นแห่งจตุตถฌานหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จตุตถฌาน ย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้ไม่นึกถึงอยู่
ฯลฯ ย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้ไม่ตั้งใจอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. จตุตถฌาน ย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้นึกถึงอยู่ ฯลฯ
ย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้ตั้งใจอยู่ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า จตุตถฌานย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้นึกถึง
อยู่ ฯลฯ ย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้ตั้งใจอยู่ ก็ต้องไม่กล่าวว่า โยคีบุคคล
เลื่อนสู่จตุตถฌานจากตติยฌาน.
ส. โยคีบุคคลเลื่อนสู่จตุตถฌานจากตติยฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ตติยฌาน ย่อมเกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้กระทำไว้ในใจ
ซึ่งปีติ โดยความเป็นธรรมมีโทษ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จตุตถฌาน ก็เกิดขึ้นแก่โยคีบุคคลผู้กระทำไว้ในใจ
ซึ่งปีติโดยความเป็นธรรมมีโทษ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ตติยฌาน สหรคตด้วยสุข หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. จตุตถฌาน ก็สหรคตด้วยสุข หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โยคีบุคคลเลื่อนสู่จตุตถฌานจากตติยฌาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ตติยฌานอันนั้น จตุตถฌานก็อันนั้นแล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1754] ป. ไม่พึงกล่าวว่า โยคีบุคคลเลื่อนสู่ฌานอันหนึ่งจาก
ฌานอันหนึ่ง หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดแล้วจากกามเทียว ฯลฯ เข้าถึงจตุตถฌานอยู่

ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น โยคีบุคคลก็เลื่อนสู่ฌานหนึ่งจากฌาน
หนึ่ง น่ะสิ.
ฌานสังกันติกถา จบ

อรรถกถาฌานสังกันติกถา



ว่าด้วย การเลื่อนฌาน



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องการเลื่อนฌาน คือการเปลี่ยนจากฌานหนึ่งไปสู่
ฌานหนึ่ง. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจจลัทธินิกายมหิสสาสกะ
และนิกายอันธกะบางพวกว่า โยคีบุคคลย่อมเลื่อนจากฌานมาสู่ฌาน