เมนู

ในธรรมวินัยนี้ ย่อมทายได้แม้ซึ่งจิต แม้ซึ่งการที่ตรึก แม้
ซึ่งการที่ตรอง ของสัตว์อื่น ๆ ของบุคคลอื่น ๆ ว่าใจของเป็นอย่างนี้
บ้าง ใจของท่านเป็นโดยประการนี้บ้าง จิตของท่านเป็นฉะนี้บ้าง
ดังนี้1
เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น เจตสิกธรรมก็มีอยู่ น่ะสิ.
เจตสิกกถา จบ

อรรถกถาเจตสิกกถา



ว่าด้วย เจตสิก



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องเจตสิก คือสภาวธรรมที่ประกอบจิต. ในเรื่องนั้น
ชนเหล่าใด มีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายราชคิริกะ และสิทธัตถิกะ
ทั้งหลายว่า ธรรมทั้งหลายชื่อว่า ผัสสิกะ คือธรรมที่ประกอบกับผัสสเจตสิก
เป็นต้นไม่มี เหตุใด เพราะเหตุนั้น แม้เจตสิกก็ไม่พึงมี เจตสิกธรรมก็ไม่มี
ดังนี้คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที.
คำว่า ผัสสะเกิดร่วมกับจิต ที่สกวาทีกล่าวแล้ว หมายเอาการเกิดพร้อม
กันของสัมปยุตตธรรม. คำถามว่า ชื่อว่าผัสสิก ย่อมมีแก่สกวาทีผู้ไม่เห็น
อยู่ซึ่งโวหารเช่นนั้น. เมื่อปรวาทีกล่าวคำว่า ชื่อว่า เจตสิก เพราะอรรถว่า
อาศัยจิตโดยโวหารมีอยู่ ฉันใด เจตสิก แม้นั้นชื่อว่า ผัสสิก เพราะอรรถ
ว่า อาศัยผัสสะฉันนั้นหรือ คำตอบรับรองเป็นของสกวาทีเพราะคำนั้น
ไม่ผิด. คำที่เหลือมีอรรถตื้นทั้งนั้นแล.
อรรถกถาเจตสิกกถา จบ
1. ที. สี. 9/340.