เมนู

รูปังกุสลากุสลันติกถา



[1668] สกวาที รูปเป็นกุศล หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. รูปเป็นธรรมมีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจ
แห่งรูปนั้น มีอยู่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รูปเป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจ
แห่งรูปนั้น ไม่มี มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า รูปเป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ
ความตั้งใจแห่งรูปนั้น ไม่มี ก็ต้องไม่กล่าวว่า รูปเป็นกุศล.
[1669] ส. อโลภะเป็นกุศล เป็นธรรมมีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ
ความตั้งใจแห่งอโลภะนั้น มีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปเป็นกุศล เป็นธรรมมีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ ความ
ตั้งใจแห่งรูปนั้น มีอยู่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อโทสะเป็นกุศล ฯลฯ อโมหะเป็นกุศล ฯลฯ ศรัทธา
วิริยะ สติ สมาธิ ฯลฯ ปัญญา เป็นกุศล เป็นธรรมมีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ
ความตั้งใจแห่งปัญญานั้นมีอยู่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1670] ส. รูปเป็นกุศล แต่เป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก

ฯลฯ ความตั้งใจแห่งรูปนั้น ไม่มีหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อโลภะเป็นกุศล แต่เป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก
ฯลฯ ความตั้งใจแห่งอโลภะนั้นไม่มี หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รูปเป็นกุศล แต่เป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก
ฯลฯ ความตั้งใจแห่งรูปนั้นไม่มี หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อโทสะเป็นกุศล ฯลฯ ปัญญาเป็นกุศล แต่เป็นธรรม
ไม่มีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจแห่งปัญญานั้นไม่มี หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1671] ส. รูปเป็นอกุศล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปเป็นธรรมมีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจ
แห่งรูปนั้นมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รูปเป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจ
แห่งรูปนั้นไม่มี มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า รูปเป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ
ความตั้งใจแห่งรูปนั้นไม่มี ก็ต้องไม่กล่าวว่า รูปเป็นอกุศล ฯลฯ
[1672] ส. โลภะเป็นอกุศล เป็นธรรมมีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ

ความตั้งใจแห่งโลภะนั้น มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปเป็นอกุศล เป็นธรรมมีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ
ความตั้งใจแห่งรูปนั้นมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โทสะ โมหะ มานะ ฯลฯ อโนตตัปปะ เป็นอกุศลเป็น
ธรรมมีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจแห่งอโนตตัปปะนั้น มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปเป็นอกุศล เป็นธรรมมีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ
ความตั้งใจแห่งรูปนั้น มีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1673] ส. รูปเป็นอกุศล แต่เป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก
ฯลฯ ความตั้งใจแห่งรูปนั้น ไม่มี หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. โลภะเป็นอกุศล แต่เป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก
ฯลฯ ความตั้งใจแห่งโลภะนั้น ไม่มีหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รูปเป็นอกุศล แต่เป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก
ฯลฯ ความตั้งใจแห่งรูปนั้นไม่มี หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. โทสะ โมหะ มานะ ฯลฯ อโนตตัปปะ เป็นอกุศล แต่
เป็นธรรมไม่มีอารมณ์ ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจแห่งอโนตตัปปะนั้น

ไม่มีหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1674] ป. ไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็นกุศลบ้าง เป็นอกุศลบ้างหรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. กายกรรม วจีกรรม เป็นกุศลบ้าง เป็นอกุศลบ้าง
มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า กายกรรม วจีกรรม เป็นกุคลบ้าง เป็นอกุศล
บ้าง ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า รูปเป็นกุศลบ้าง เป็นอกุศลบ้าง.
รูปังกุสลากุสลันติกถา จบ

อรรถกถารูปังกุสลากุสลันติกถา



ว่าด้วย รูปเป็นกุศลและอกุศล



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องรูปเป็นกุศลและอกุศล. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใด
มีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายมหิสาสกะและสมิติยะทั้งหลายว่า กายวิญญัติ
และวจีวิญญัติรูป กล่าวคือกายกรรมและวจีกรรมว่าเป็นกุศลบ้างเป็น
อกุศลบ้าง โดยหมายเอาพระบาลีว่า กายกรรม วจีกรรม เป็นกุศลก็มี
เป็นอกุศลก็มี
ดังนี้ คำถามของสกวาทีว่า รูปเป็นกุศลหรือ เป็นต้น
โดยหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น
สกวาทีเพื่อท้วงว่า ผิว่า รูปเป็นกุศลไซร้ รูปนั้นก็จะพึงเป็นสภาพต่าง ๆ
เช่นนี้ จึงกล่าวคำว่า รูปเป็นธรรมมีอารมณ์ เป็นต้น แม้ในปัญหาว่าด้วย
อกุศล ข้างหน้าก็นัยนี้. คำที่เหลือในที่นี้มีอรรถตื้นทั้งนั้น แล.
อรรถกถารูปังกุสลากุสลันติกถา จบ