อรรถกถาสุขานุปปทานกถา
ว่าด้วย การส่งความสุข
บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องการส่งความสุข. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความ
เห็นผิดดุจลัทธิของนิกายเหตุวาทว่า บุคคลอื่นส่งความสุขให้แก่บุคคล
อื่นได้ เพราะอาศัยพระสูตรที่พระอุทายีเถระกล่าวไว้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ของเราทรงประทานสุขธรรมทั้งหลายแก่ชนเป็นอันมากหนอ เป็นต้น
คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที.
ถูกสกวาทีถามว่า บุคคลอื่นส่งความทุกข์ให้แก่บุคคลอื่นได้หรือ ปรวาที
เมื่อไม่เห็นบทพระสูตรเช่นนั้น จึงตอบปฏิเสธ. ในปัญหาว่า บุคคลอื่น
ส่งความสุขของตน เป็นต้น ความว่า ปรวาทีย่อมตอบปฏิเสธ ด้วยถ้อยคำ
ว่า ใคร ๆ ไม่อาจมอบความสุขของตนหรือของผู้อื่นให้แก่ใคร ๆ ได้ ก็
ชื่อว่าการส่งความสุขในที่นี้จะพึงมีได้อย่างไร. ส่วนในปัญหาว่า บุคคล
อื่นส่งความสุขของตนให้แก่บุคคลอื่น ก็ไม่ใช่ เป็นต้น ปรวาทีตอบรับรอง
ตามลัทธิว่า ขึ้นชื่อว่าการส่งความสุขเช่นนี้ไม่อาจมีได้. คำว่า ก็ไม่ต้อง
กล่าว สกวาทีกล่าวแล้วเพราะไม่มีความสุขเช่นนั้น. พระบาลีว่า พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าของเราทรงประทานสุขธรรมทั้งหลายให้ เป็นต้น ย่อม
แสดงซึ่งความที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นปัจจัยเพื่อให้เกิดความสุข
แก่ชนทั้งหลาย ไม่ใช่แสดงการส่งความสุขให้แก่ชนทั้งหลายเหมือนการ
ให้พัสดุต่าง ๆ มีอาหารเป็นต้น เพราะฉะนั้น พระสูตรนี้จึงมิใช่ข้ออ้าง
ดังที่ยกมานั้น ด้วยประการฉะนี้แล.
อรรถกถาสุขานุปปทานกถา จบ
อธิคคัยหมนสิการกถา
[1657] สกวาที มนสิการรวบยอดได้ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. รู้ชัดซึ่งจิตนั้นด้วยจิตนั้นได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รู้ชัดซึ่งจิตนั้นด้วยจิตนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รู้ชัดซึ่งจิตนั้นด้วยจิตนั้นว่า จิต ดังนี้ได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รู้ชัดซึ่งจิตนั้นด้วยจิตนั้นว่า จิต ดังนี้ได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จิตนั้นเป็นอารมณ์ของจิตนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. จิตนั้นเป็นอารมณ์ของจิตนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถูกต้องผัสสะนั้นด้วยผัสสะนั้น ฯลฯ ด้วยเวทนานั้น
ฯลฯ ด้วยสัญญานั้น ฯลฯ ด้วยเจตนานั้น ฯลฯ ด้วยจิตนั้น ฯลฯ ด้วยวิตกนั้น
ฯลฯ ด้วยวิจารนั้น ฯลฯ ด้วยปีตินั้น ฯลฯ ด้วยสติ ฯลฯ รู้ชัดปัญญานั้น
ด้วยปัญญานั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. กำลังมนสิการอดีตว่า อดีต ดังนี้อยู่ ก็มนสิการอนาคต
ว่า อนาคต ดังนี้ได้ หรือ ?