เมนู

คนอื่นให้หมดจดไม่ได้ ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้นก็ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลอื่นข่มจิตเพื่อบุคคล
อื่นได้ดังนี้.
[1645] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลอื่นข่มจิตของบุคคลอื่นได้ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว
ป. ชนผู้บรรลุความเป็นผู้มีกำลังมีอยู่ ชนซึ่งเป็นผู้มีความ
ชำนาญมีอยู่ มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า ชนผู้บรรลุความเป็นผู้มีกำลังมีอยู่ ชนซึ่งเป็น
มีความชำนาญมีอยู่ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า บุคคลอื่นข่มจิต
ของบุคคลอื่นได้.
นิคคหกถา จบ

อรรถกถานิคคหกถา



ว่าด้วย การข่ม



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องการข่ม. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิด
ดุจลัทธินิกายมหาสังฆิกะทั้งหลายว่า ผู้ใดมีกำลัง มีอำนาจในโลก ถ้าว่า
เขาไม่พึงอาจเพื่อข่มจิตของผู้อื่นได้ไซร้ ความมีกำลัง หรือความมีอำนาจ
จะมีประโยชน์อะไรแก่ชนเหล่านั้น ก็เพราะความเป็นผู้มีกำลังและมีอำนาจ

1. ขุ.ธ. 25/22.

บุคคลเหล่านั้น จึงข่มจิตของบุคคลเหล่าอื่นได้ ดังนี้ คำถามของสกวาที
ว่า บุคคลอื่นข่มจิตของบุคคลอื่น เป็นต้น โดยหมายถึงชนเหล่านั้น
คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า ข่ม ได้แก่
การห้ามจิตมิให้ตกไปสู่สังกิเลส. คำที่เหลือในที่นี้ พึงทราบตามพระบาลี
นั่นแล.
อรรถกถานิคคหกถา จบ

ปัคคหกถา



[1646] สกวาที บุคคลอื่นประคองจิตของบุคคลอื่นได้ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. บุคคลอื่นประคองได้ว่า จิตของบุคคลอื่นอย่ากำหนัด
อย่าประทุษร้าย อย่าหลง อย่าเศร้าหมอง ดังนี้หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1647] ส. บุคคลอื่นประคองจิตของบุคคลอื่นได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลอื่นยังกุศลมูลคืออโลภะให้เกิด ยังกุศลมูลคือ
อโทสะให้เกิด ยังกุศลมูลคืออโมหะให้เกิด ยังศรัทธาให้เกิด ยังวิริยะให้
เกิด ยังสติให้เกิด ยังสมาธิให้เกิด ยังปัญญาให้เกิด แก่บุคคลอื่นได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1648] ส. บุคคลอื่นประคองจิตของบุคคลอื่นได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลอื่นประคองไว้ได้ว่า ผัสสะที่เกิดขึ้นแล้วแก่
บุคคลอื่น อย่าดับไปเลย ดังนี้หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลอื่นประคองไว้ได้ว่า เวทนาที่เกิดขึ้นแล้ว ฯลฯ
ปัญญาที่เกิดขึ้นแล้ว แก่บุคคลอื่น อย่าดับไปเลย ดังนี้หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1649] ส. บุคคลอื่นประคองจิตของบุคคลอื่นได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.