เมนู

ส. หากว่า กิริยาพยากตธรรมก่อน ๆ เป็นปัจจัยโดย
อนันตรปัจจัย แห่งกิริยาพยากตธรรมหลัง ๆ และเป็นอาเสวนะด้วย ด้วย
เหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า เป็นปัจจัยโดยอนันตรปัจจัย และ เป็น
ปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย.
[1610] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ความเป็นปัจจัย ท่านจำกัดไว้ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. เป็นปัจจัยโดยเหตุปัจจัยก็ได้ เป็นปัจจัยโดยอารัมณ-
ปัจจัยก็ได้ เป็นปัจจัยโดยอนันตรปัจจัยก็ได้ เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย
ก็ได้ หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ป. ถ้าอย่างนั้น ความเป็นปัจจัยท่านก็จำกัดไว้ น่ะสิ.
ปัจจยตากถา จบ

อรรถกถาปัจจยตากถา



ว่าด้วย ความเป็นปัจจัย



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องความเป็นปัจจัย. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความ
เห็นผิดดุจลัทธินิกายมหาสังฆิกะทั้งหลายว่า ธรรมใดเป็นปัจจัยด้วย
เหตุปัจจัยแล้ว ธรรมนั้นก็เป็นปัจจัยด้วยเหตุปัจจัยแก่ธรรมเหล่าใดเหล่านั้น
เท่านั้น ย่อมไม่เป็นปัจจัยด้วยอารัมมณะ อนันตระ สมนันตรปัจจัย หรือ
ว่าธรรมใดเป็นปัจจัยแก่ธรรมเหล่าใดด้วยอารัมมณปัจจัยแล้ว ธรรมนั้น
ย่อมไม่เป็นปัจจัยแก่ธรรมเหล่านั้นนั่นแหละด้วย อนันตระและสมนันตร-
ปัจจัย เหตุใด เพราะเหตุนั้น ความเป็นปัจจัยท่านจำกัดไว้แล้ว ดังนี้
คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที.
คำที่เหลือในที่นี้ พึงทราบตามพระบาลีนั่นแหละ ด้วยประการฉะนี้แล.
อรรถกถาปัจจยตากถา จบ

อัญญมัญญปัจจยกถา



[1611] สกวาที สังขารเกิด เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยเท่านั้น ไม่
พึงกล่าวว่า แม้เพราะสังขารเป็นปัจจัยก็เกิดอวิชชาได้ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. อวิชชาเกิดพร้อมกับสังขาร มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อวิชชาเกิดพร้อมกับสังขาร ด้วยเหตุนั้นนะ
ท่านจึงต้องกล่าวว่า แม้เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยก็เกิดสังขารได้ แม้เพราะ
สังขารเป็นปัจจัยก็เกิดอวิชชาได้.
[1612] ส. อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัยเท่านั้น ไม่พึง
กล่าวว่า แม้เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยก็เกิดตัณหาได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ตัณหาเกิดพร้อมกับอุปาทาน มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า ตัณหาเกิดพร้อมกับอุปาทาน ด้วยเหตุนั้น
ท่านจึงต้องกล่าวว่า แม้เพราะตัณหาเป็นปัจจัยก็เกิดอุปาทานได้ แม้เพราะ
อุปาทานเป็นปัจจัยก็เกิดตัณหาได้.
[1613] ป. คำว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะชราและมรณะเป็น
ปัจจัย จึงเกิดชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง
หรือ ?
ส. ไม่มี.
ป. ถ้าอย่างนั้น สังขารก็เกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย