เมนู

อรรถกถาปริยุฏฐานังจิตตวิปปยุตตันติกถา



ว่าด้วย ปริยุฏฐานกิเลสไม่ประกอบจิต



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องปริยุฏฐานกิเลสไม่ประกอบจิต. ชนเหล่าใดมี
ความเห็นผิดดุจลัทธินิกายอันธกะทั้งหลายว่า กิเลสทั้งหลายมีราคะ
เป็นต้นย่อมเกิดขึ้น แม้มนสิการโดยความเป็นของไม่เที่ยง ดังคำที่พระผู้-
มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภารทวาชะผู้เจริญในกาลบางคราวแล บุคคล
ย่อมมนสิการโดยความเป็นของสวยงามด้วยคิดว่า เราจักมนสิการโดย
ความเป็นของไม่งาม
ดังนี้ เหตุใด เพราะเหตุนั้น ปริยุฏฐานกิเลสจึงไม่
ประกอบกับจิต ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบ
รับรองเป็นของปรวาที. คำที่เหลือในที่นี้ มีอรรถตื้นทั้งนั้นเพราะมีนัย
ดังที่กล่าวมาแล้วในหนหลังนั่นแล.
อรรถกถาปริยุฏฐานังจิตตวิปปยุตตันติกถา จบ

ปริยาปันนกถา



[1579] สกวาที รูปราคะ นอนเนื่องอยู่ในรูปธาตุ นับเนื่องใน
รูปธาตุ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. รูปราคะ เป็นธรรมแสวงหาสมาบัติ เป็นธรรมแสวง
หาอุปบัติ เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม สหรคต เกิดร่วม ระคน
สัมปยุต เกิดด้วยกัน ดับด้วยกัน มีวัตถุเป็นอันเดียวกัน มีอารมณ์เป็น
อันเดียวกัน กับจิตดวงแสวงหาสมาบัติ กับจิตดวงแสวงหาอุบัติ กับจิต
เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. กามราคะ ไม่เป็นธรรมแสวงหาสมาบัติ ไม่เป็น
ธรรมแสวงหาอุบัติ ไม่เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม จะ
สหรคต เกิดร่วม ระคน สัมปยุต เกิดด้วยกัน ดับด้วยกัน จะมีวัตถุเป็น
อันเดียวกัน จะมีอารมณ์เป็นอันเดียวกัน กับจิตดวงแสวงหาสมาบัติ ก็หา
มิได้. กับจิตดวงแสวงหาอุบัติ ก็หามิได้ กับจิตเป็นเครื่องอยู่เป็นสุขใน
ทิฏฐธรรม ก็หามิได้ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า กามราคะ ไม่เป็นธรรมแสวงหาสมาบัติ ไม่
เป็นธรรมแสวงหาอุบัติ ไม่เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม ฯลฯ
จะมีอารมณ์อันเดียวกัน ฯลฯ กับจิตเป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม
ก็หามิได้ก็ต้องไม่กล่าวว่า รูปราคะ นอนเนื่องอยู่ในรูปธาตุ นับเนื่องอยู่
ในรูปธาตุ ฯลฯ