เมนู

นีวุตตกถา



[1523] สกวาที บุคคลเป็นผู้มีจิตอันนิวรณ์ครอบงำแล้ว ละนิวรณ์
หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. บุคคลเป็นผู้มีจิตอันราคะย้อมแล้ว ละราคะ เป็นผู้มีจิต
อันโทสะประทุษร้ายแล้ว ละโทสะ เป็นผู้มีจิตหลงแล้ว ละโมหะ เป็นผู้
มีจิตเศร้าหมองแล้ว ละกิเลสหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลละราคะด้วยราคะ ละโทสะด้วยโทสะ ละโมหะ
ด้วยโมหะ ละกิเลสด้วยกิเลส หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ราคะก็สัมปยุตด้วยจิต มรรคก็สัมปยุตด้วยจิต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นความประชุมแห่งผัสสะ 2 ฯลฯ แห่งจิต 2 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ราคะ เป็นอกุศล มรรคเป็นกุศล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ธรรมเป็นกุศลและธรรมเป็นอกุศล ธรรมมีโทษและ
ธรรมไม่มีโทษ ธรรมเลวและธรรมประณีต ธรรมดำและธรรมขาวอัน
เป็นข้าศึกกัน มาพบกันหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ธรรมเป็นกุศลและธรรมเป็นอกุศล ธรรมมีโทษและ

ธรรมไม่มีโทษ ธรรมเลวและธรรมประณีต ธรรมดำและธรรมขาวอัน
เป็นข้าศึกกัน มาพบกันหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
4 ประการนี้ ไกลกัน ไกลกันนัก 4 ประการ เป็นไฉน ฟ้าและแผ่นดินนี้
ประการแรกที่ไกลกันไกลกันนัก ฯลฯ เพราะฉะนั้นธรรมของสัตบุรุษจึง
ไกลจากอสัตบุรุษ
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า ธรรมที่เป็นกุศลและ
ธรรมที่เป็นอกุศล ฯลฯ มาพบกัน น่ะสิ.
[1524] ส. บุคคลเป็นผู้มีจิตอันนิวรณ์ครอบงำแล้ว ละนิวรณ์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ภิกษุนั้น ครั้นเมื่อ
จิตตั้งมั่นแล้ว เป็นจิตบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน มีอุปกิเลส
ปราศไปแล้ว เป็นจิตอ่อน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่ ถึงความเป็นธรรมชาติ
ไม่หวั่นไหวแล้ว อย่างนี้ ย่อมน้อมจิตไป เพื่อญาณเป็นเครื่องสิ้นไปแห่ง
อาสวะทั้งหลาย
ดังนี้2 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลเป็นผู้มีจิตอัน
นิวรณ์ครอบงำแล้ว ละนิวรณ์

1. องฺ.จตุกฺก 21/27.
2. ม.อุ. 14/26.

[1525] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลเป็นผู้มีจิตอันนิวรณ์ครอบงำ
แล้วละนิวรณ์ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า เมื่อภิกษุนั้น รู้อยู่
อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ จิตย่อมหลุดพ้นแม้จากกามาสวะ ฯลฯ จิตย่อม
หลุดพ้นแม้จากอวิชชาสวะ
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น บุคคลก็เป็นผู้มีจิตอันนิวรณ์ครอบงำแล้ว
ละนิวรณ์ น่ะสิ.
นีวุตกถา จบ

อรรถกถานีวุตกถา



ว่าด้วย ผู้มีจิตอันนิวรณ์ครอบงำแล้ว



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องของผู้มีจิตอันนิวรณ์ครอบงำแล้ว. ในเรื่องนั้น
ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายอุตตราปถกะทั้งหลายว่า บุคคล
ผู้ถูกนิวรณ์ทั้งหลายครอบงำแล้ว ปกปิดแล้ว หุ้มห่อแล้วย่อมละนิวรณ์
เพราะความที่บุคคลบริสุทธิ์แล้วไม่มีสิ่งที่ควรทำให้บริสุทธิ์ ดังนี้ คำถาม
ของสกวาทีว่า บุคคลผู้มีจิตอันนิวรณ์ครอบงำแล้ว เป็นต้น หมายถึง
ชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. คำว่า บุคคลเป็นผู้มีจิต
อันราคะย้อมแล้ว
เป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อแสดงโทษในการละนิวรณ์

1. อภิ. ก. 37/ 760.