เมนู

ป. ถูกแล้ว.
ส. ผัสสะเป็นวิบาก แต่ผัสสะไม่เป็นผลที่บุคคลเสวย
เป็นสุข ฯลฯ ไม่มีอารมณ์ ไม่มีความนึก ฯลฯ ความตั้งใจ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1491] ป. ไม่พึงกล่าวว่า สฬายตนะเป็นวิบาก หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. สฬายตนะเกิดขึ้นเพราะได้ทำกรรมไว้ มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า สฬายตนะเกิดขึ้นเพราะได้ทำกรรมไว้ ด้วย
เหตุนั้นนะ ท่านจึงต้องกล่าวว่า สฬายตนะเป็นวิบาก
สฬายตนะกถา จบ

อรรถกถาสฬายตนกถา



ว่าด้วย สฬายตนะ



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องสฬายตนะ คืออายตนะภายใน 6. ในเรื่องนั้น
ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายมหาสังฆิกะทั้งหลายว่า สฬายตนะ
เกิดขึ้นเพราะทำกรรมไว้ เหตุใด เพราะเหตุนั้น สฬายตนะจึงเป็นวิบาก
ดังนี้ คำถามของสกวาทีว่า จักขวายตนะเป็นวิบากหรือ เป็นต้น หมายถึง
ชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. คำที่เหลือมีนัยดังที่กล่าวแล้ว
ในหนหลังนั่นแหละ.

ก็แต่ มนายตนะพึงเป็นวิบากได้ในคำว่า สฬายตนะเป็นวิบาก
นี้ ส่วนอายตนะที่เหลือนอกนั้นมีกรรมเป็นสมุฏฐานอย่างเดียว ไม่เป็น
วิบาก เพราะฉะนั้น ข้อนี้จึงมิใช่ข้ออ้างว่า สฬายตนะเป็นวิบาก (ไปทั้งหมด)
ดังนี้แล.
อรรถกถาสฬายตนกถา จบ

สัตตักขัตตุปรมกถา



[1492] สกวาที บุคคลผู้สัตตักขัตตุปรมะ เป็นผู้เที่ยงต่อความเกิด
7 ครั้งเป็นอย่างยิ่ง หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้สัตตักขัตตุปรมะได้ปลงชีวิตมารดา ได้ปลง
ชีวิตบิดา ได้ปลงชีวิตพระอรหันต์ ได้มีจิตประทุษร้าย ยังพระโลหิตของ
พระตถาคตให้ห้อ ได้ทำลายสงฆ์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1493] ส. บุคคลผู้สัตตักขัตตุปรมะ เป็นผู้เที่ยงต่อความเกิด 7
ครั้ง เป็นอย่างยิ่ง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้สัตตักขัตตุปรมะ เป็นผู้ไม่ควรเพื่อตรัสรู้
ธรรมในระหว่าง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลผู้สัตตักขัตตุปรมะ เป็นผู้ไม่ควรเพื่อตรัสรู้
ธรรมในระหว่าง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้สัตตักขัตตุปรมะนั้น ได้ปลงชีวิตมารดา ได้
ปลงชีวิตบิดา ได้ปลงชีวิตพระอรหันต์ ได้มีจิตประทุษร้ายยังพระโลหิต
ของพระตถาคตให้ห้อ ได้ทำลายสงฆ์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1494] ส. บุคคลผู้สัตตักขัตตุปรมะ เป็นผู้เที่ยงต่อความเกิด 7