เมนู

วรรคที่ 12



สังวโรกัมมันติกถา



[1476] สกวาที ความสำรวมเป็นกรรม หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. ความสำรวมในจักขุนทรีย์ เป็นจักขุกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความสำรวมในโสตินทรีย์ ฯลฯ ความสำรวมใน
ฆานินทรีย์ ฯลฯ ความสำรวมในชิวหินทรีย์ ฯลฯ ความสำรวมในกายินทรีย์
เป็นกายกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความสำรวมในกายินทรีย์ เป็นกายกรรม หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความสำรวมในจักขุนทรีย์ เป็นจักขุกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความสำรวมในกายินทรีย์ เป็นกายกรรม หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความสำรวมในโสตินทรีย์ ฯลฯ ความสำรวมใน
ฆานินทรีย์ ฯลฯ ความสำรวมในชิวหินทรีย์ เป็นชิวหากรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความสำรวมในมนินทรีย์ เป็นมโนกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความสำรวมในมนินทรีย์ เป็นมโนกรรม หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. ความสำรวมในจักขุนทรีย์ เป็นจักขุกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความสำรวมในมนินทรีย์ เป็นมโนกรรม หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความสำรวมในโสตินทรีย์ ฯลฯ ความสำรวมใน
ฆานินทรีย์ ฯลฯ ความสำรวมในชิวหินทรีย์ ฯลฯ ความสำรวมในกายินทรีย์
เป็นกายกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1477] ส. ความไม่สำรวม เป็นกรรม หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความไม่สำรวมในจักขุนทรีย์ เป็นจักขุกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความไม่สำรวมในโสตินทรีย์ ฯลฯ ความไม่สำรวม
ในฆานินทรีย์ ฯลฯ ความไม่สำรวมในชิวหินทรีย์ ฯลฯ ความไม่สำรวม
ในกายินทรีย์ เป็นกายกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความไม่สำรวมในกายินทรีย์ เป็นกายกรรม หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความไม่สำรวมในจักขุนทรีย์ เป็นจักขุกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความไม่สำรวมในกายินทรีย์ เป็นกายกรรม หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. ความไม่สำรวมในโสตินทรีย์ ฯลฯ ความไม่สำรวม
ในฆานินทรีย์ ฯลฯ ความไม่สำรวมในชิวหินทรีย์ เป็นชิวหากรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความไม่สำรวมในมนินทรีย์ เป็นมโนกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความไม่สำรวมในมนินทรีย์ เป็นมโนกรรม หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความไม่สำรวมในจักขุนทรีย์ เป็นจักขุกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความไม่สำรวมในมนินทรีย์ เป็นมโนกรรม หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความไม่สำรวมในโสตินทรีย์ ฯลฯ ความไม่สำรวมใน
ฆานินทรีย์ ฯลฯ ความไม่สำรวมในชิวหินทรีย์ ฯลฯ ความไม่สำรวมใน
กายินทรีย์ เป็นกายกรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1478] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ความสำรวมก็ดี ความไม่สำรวมก็ดี
เป็นกรรม หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว เป็นผู้ถือนิมิต ฯลฯ ไม่เป็น
ผู้ถือนิมิต ฟังเสียงด้วยโสตแล้ว ฯลฯ รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้วเป็น

ผู้ถือนิมิต ฯลฯ ไม่เป็นผู้ถือนิมิต ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น ความสำรวมก็ดี ความไม่สำรวมก็ดี
ก็เป็นกรรม น่ะสิ.
สังวโรกัมมันติกถา จบ

อรรถกถาสังวโร กัมมันติกถา



ว่าด้วย ความสำรวมเป็นกรรม



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องความสำรวมเป็นกรรม. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใด
มีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายมหาสังฆิกะทั้งหลายว่า ความสำรวมก็ดี
ความไม่สำรวมก็ดี เป็นกรรม เพราะอาศัยพระสูตรที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสไว้ว่า ภิกษุเห็นรูปด้วยจักขุแล้วเป็นผู้ถือเอาโดยนิมิต... ไม่ถือเอา
โดยนิมิต
ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรอง
เป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวว่า ความสำรวมในจักขุนทรีย์
เป็นจักขุกรรมหรือ
เป็นต้น เพื่อท้วงด้วยคำว่า การกล่าวคำอันใดที่
สกวาทีกล่าวไว้ในลัทธิของตนว่า เจตนาเป็นกรรม การกล่าวนั้นเป็น
ไปในกายวจีและมโนทวาร ย่อมได้ชื่อว่าเป็นกายกรรมเป็นต้น ฉันใด
ถ้าความสำรวมเป็นกรรมตามลัทธิของท่านไซร้ ความสำรวมแม้นั้น
เมื่อเป็นไปในจักขุนทรีย์เป็นต้น ก็พึงได้ชื่อว่า จักขุกรรมเป็นต้น ดังนี้.
ฝ่ายปรวาทีเมื่อไม่เห็นบทพระสูตรเช่นนั้น จึงตอบปฏิเสธในทวารทั้ง 4
และย่อมปฏิเสธโดยหมายเอาประสาทกายในกายทวารที่ 5 แต่ตอบรับรอง
หมายเอาวิญญัตติกาย. จริงอยู่ ปรวาทีนั้นย่อมปรารถนาประสาทกาย