เมนู

อรรถกถาสมาธิกถา



ว่าด้วยสมาธิ



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องสมาธิ. ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธิของ
นิกายสัพพัตถิกวาทะและอุตตราปถกะทั้งหลายว่า ความสืบต่อแห่งจิต
เป็นสมาธิ เพราะอาศัยพุทธพจน์ว่า พระตถาคตย่อมอาจเพื่ออยู่เป็นสุข
ในคำว่า เราเป็นผู้เสวยพร้อมเฉพาะซึ่งความสุขโดยส่วนเดียวตลอด 7 คืน
7 วัน
ดังนี้เป็นต้น โดยไม่ถือเอาคำว่า เอกัคคตาเจตสิกแม้เกิดขึ้นแล้วใน
ขณะแห่งจิตดวงหนึ่ง ชื่อว่าสมาธิ เพราะอรรถว่าการตั้งใจ ดังนี้ คำถาม
ของสกวาทีว่า ความสืบต่อแห่งจิต เป็นต้น หมายชนเหล่านั้น คำตอบ
รับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวกะปรวาทีนั้นว่า
ความสืบต่อแห่งจิตที่เป็นอดีต เป็นต้น เพื่อท้วงด้วยคำว่า ถ้าว่า การ
สืบต่อแห่งจิตเป็นสมาธิไซร้ ชื่อว่าความสืบต่อแห่งจิตเป็นอดีตบ้าง ที่
เป็นอนาคตบ้างมีอยู่ ส่วนการสืบต่อแห่งจิตที่เป็นปัจจุบันนั่นแหละไม่มี
ธรรมดาว่าการสืบต่อแห่งจิตนั้นย่อมเป็นของมีอยู่ ความสืบต่อแห่งจิต
เหล่านั้นแม้ทั้งหมด ย่อมเป็นสมาธิตามลัทธิของท่านหรือ ? ปรวาทีนั้น
เมื่อไม่ปรารถนาเช่นนั้น จึงตอบปฏิเสธ. คำว่า อดีตก็ดับไปแล้ว เป็นต้น
สกวาทีกล่าวเพื่อแสดงว่า จิตที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้านั้นแหละทำอยู่ซึ่งกิจ
ในการสืบต่อแห่งจิต จิตที่เป็นอดีตและอนาคตชื่อว่าย่อมไม่มี เพราะเป็น
จิตที่ดับไปแล้ว และเพราะเป็นจิตที่ยังมิได้เกิดขึ้น ฉะนั้นจิตนั้นจะชื่อว่า
เป็นสมาธิได้อย่างไร ? คำถามว่า สมาธิเป็นไปขณะแห่งจิตดวงหนึ่ง
เป็นของปรวาที. ต่อจากนั้นก็เป็นคำตอบรับรองของสกวาทีในลัทธิของตน
โดยหมายเอาคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า สมาธิคือเอกัคคตา ที่

สัมปยุตด้วยกุศลจิตอันเกิดขึ้นแล้ว ในบาลีว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอ
ทั้งหลายจงเจริญสมาธินั้น
ดังนี้. คำว่า บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วย
จักขุวิญญาณ
เป็นต้น ปรวาทีกล่าวโดยการลวง เพราะถือเอาเหตุสักว่า
คำว่า ผู้มีขณะแห่งจิตดวงเดียว. ด้วยเหตุนั้นนั่นแหละสกวาทีจึงตอบ
ปฏิเสธ. พระสูตรว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...
มิใช่หรือ
ข้อนี้ย่อมสำเร็จซึ่งความที่จิตนั้นเป็นสภาพไม่ปะปนแก่สมาธิ
ที่กำลังเป็นไปด้วยสามารถแห่งการเกิดก่อนและเกิดหลัง แต่ไม่สำเร็จ
ซึ่งความสืบต่อแห่งจิตว่าเป็นสมาธิ เพราะฉะนั้น จึงไม่เป็นการพิสูจน์ว่า
การสืบต่อแห่งจิตเป็นสมาธิ ฉะนี้แล.
อรรถกถาสมาธิกถา จบ

ธัมมัฏฐิตตากถา



[1470] สกวาที ธรรมฐิติ คือความตั้งอยู่แห่งธรรม เป็นภาวะที่
สำเร็จแล้ว หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. ความตั้งอยู่แห่งธรรมฐิตินั้น ก็เป็นภาวะที่สำเร็จแล้ว
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความตั้งอยู่แห่งธรรมฐิตินั้น ก็เป็นภาวะที่สำเร็จแล้ว
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความตั้งอยู่นั้น ๆ แล ไม่มีการทำที่สุดแห่งทุกข์ ไม่มี
ความขาดตอนแห่งวัฏฏะ ไม่มีอนุปาทาปรินิพพาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1471] ส. ความตั้งอยู่ของรูป เป็นภาวะที่สำเร็จแล้ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความตั้งอยู่แห่งความตั้งอยู่ของรูปนั้น ก็เป็นภาวะที่
สำเร็จแล้ว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความตั้งอยู่แห่งความตั้งอยู่ของรูปนั้น ก็เป็นภาวะที่
สำเร็จแล้ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความตั้งอยู่นั้น ๆ แล ไม่มีการทำที่สุดแห่งทุกข์ ไม่มี