เมนู

ญาณังจิตตวิปปยุตตันติกถา



[1451] ปรวาที ญาณ เป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. เป็นรูป เป็นนิพพาน เป็นจักขายตนะ ฯลฯ เป็น
โผฏฐัพพายตนะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ญาณ เป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ สัมมาทิฏฐิ ธัมม-
วิจยสัมโพชฌงค์ ก็เป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ สัมมาทิฏฐิ ธัมม-
วิจยสัมโพชฌงค์สัมปยุตด้วยจิต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ญาณก็สัมปยุตด้วยจิต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1452] ส. ญาณ เป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. นับเนื่องในขันธ์ไหน.
ป. นับเนื่องในสังขารขันธ์.
ส. สังขารขันธ์ เป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

ส. สังขารขันธ์ เป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ เป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ญาณ นับเนื่องในสังขารขันธ์แต่เป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปัญญา นับเนื่องในสังขารขันธ์แต่เป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ปัญญา นับเนื่องในสังขารขันธ์ และสัมปยุตด้วยจิต
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ญาณ นับเนื่องในสังขารขันธ์ และสัมปยุตด้วยจิต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ญาณ นับเนื่องในสังขารขันธ์ แต่เป็นจิตตวิปปยุต ส่วน
ปัญญานับเนื่องในสังขารขันธ์ และสัมปยุตด้วยจิต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สังขารขันธ์ ส่วนหนึ่งสัมปยุตด้วยจิต อีกส่วนหนึ่ง
เป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สังขารขันธ์ ส่วนหนึ่งสัมปยุตด้วยจิต อีกส่วนหนึ่ง
เป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ ส่วนหนึ่งสัมปยุตด้วยจิต อีก
ส่วนหนึ่งเป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1453] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ญาณเป็นจิตตวิปปยุต หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระอรหันต์ ผู้พร้อมเพรียงด้วยจักขุวิญญาณ พึง
กล่าวว่า ผู้มีญาณ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ญาณ สัมปยุตด้วยจิตนั้น หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ป. ถ้าอย่างนั้น ญาณก็เป็นจิตตวิปปยุต น่ะสิ.
ส. พระอรหันต์ ผู้พร้อมเพรียงด้วยจักจุวิญญาณ พึง
กล่าวว่า ผู้มีปัญญา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปัญญา สัมปยุตด้วยจิตนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ถ้าอย่างนั้น ปัญญาก็เป็นจิตตวิปปยุต น่ะสิ.

ญาณังจิตตวิปปยุตตันติกถา จบ

อรรถกถาญาณัง จิตตวิปปยุตตันติกถา



ว่าด้วย ญาณเป็นจิตตวิปปยุต



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องญาณที่ไม่ประกอบด้วยจิต คือไม่ประกอบกับจิต.
ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายปุพพเสลิยะทั้งหลาย
ว่า พระอรหันต์ผู้พร้อมเพรียงด้วยจักขุวิญญาณเป็นต้น คือหมายความ
ว่าจักขุวิญญาณจิตเป็นต้นเกิดขึ้นแล้ว ท่านเรียกว่า ผู้มีญาณ เพราะหมาย
เอามัคคญาณที่ท่านได้แล้ว แต่ว่าญาณของพระอรหันต์นั้นไม่สัมปยุตด้วย
จักขุวิญญาณจิตนั้น เหตุใด เพราะเหตุนั้น ญาณจึงไม่ประกอบกับจิต
ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของ
ปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวคำว่า เป็นรูป เป็นต้น เพื่อท้วงด้วย
คำว่า ถ้าว่า ญาณไม่ประกอบกับจิตไซร้ ญาณของพระอรหันต์นั้นก็จะ
พึงเป็นธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งมีรูปเป็นต้นที่ไม่ประกอบกับจิต ดังนี้.
ปรวาทีตอบปฏิเสธ. คำที่เหลือมีนัยดังที่กล่าวไว้แล้วในหนหลังนั่นแหละ.
ก็ในปริโยสาน ถูกสกวาทีถามว่า พระอรหันต์ผู้พร้อมเพรียงด้วยจักขุ-
วิญญาณ หมายความว่าจักขุวิญญาณกำลังเป็นไป พึงกล่าวว่า ผู้มีปัญญา
หรือ ปรวาทีย่อมปรารถนาซึ่งคำบัญญัตินั้นด้วยสามารถแห่งการได้
เฉพาะแล้วซึ่งปัญญา เพราะฉะนั้นจึงตอบรับรอง.
อรรถกถาญาณังจิตตวิปปยุตตันติกถา จบ