เมนู

อรรถกถาวิตักกวิปผารสัททกถา



ว่าด้วย ความแผ่ไปแห่งวิตกเป็นเสียง



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่อง ความแผ่ไปแห่งวิตกเป็นเสียง. ในเรื่องนั้น ชน
เหล่าใดมีลัทธิดุจลัทธิของนิกายปุพพเสลิยะทั้งหลายว่า ความแผ่ออกไป
แห่งวิตกนั่นแหละเป็นเสียง เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า วิตก
วิจารเป็นวจีสังขาร
ดังนี้ เหตุใด เพราะเหตุนั้น ทุกครั้งเมื่อบุคคลตรึกอยู่
ตรองอยู่ โดยที่สุดแม้ในเวลาเป็นไปแห่งมโนธาตุ ดังนี้ คำถามของสกวาที
ว่า ทุกครั้งที่ตรึกอยู่ เป็นต้น หมายชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของ
ปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวกะปรวาทีนั้นว่า ทุกครั้งที่ถูกต้องอยู่
เป็นต้น เพื่อท้วงว่า ผิว่า เหตุสักว่าการแผ่ออกไปแห่งวิตกเป็นเสียงไซร้
แม้การแผ่ออกไปแห่งผัสสะเป็นต้น ก็พึงเป็นเสียง ดังนี้ ปรวาที เมื่อไม่
เห็นเลศนัยของพระสูตรเช่นนั้น จึงตอบปฏิเสธ. คำว่า ความแผ่ออกไป
แห่งวิตกเป็นเสียงที่พึงรู้ได้ด้วยโสตวิญญาณ
ความว่า สกวาทีทำ
ปัญหาถามว่า เหตุสักว่าการแผ่ออกไปแห่งวิตกนั่นแหละเป็นเสียง ไม่ทำ
ปัญหาถามถึงเสียงอันเกิดขึ้นเพราะความแผ่ออกไปแห่งวิตกของบุคคล
ผู้หลับหรือผู้เผลอสติ ดังนี้ ปรวาทีจึงตอบปฏิเสธ. เพราะลัทธินั้นนั่นแหละ
สกวาทีจึงแสดงคำนี้ว่า ความแผ่ไปแห่งวิตกไม่เป็นเสียงที่พึงรู้ได้ด้วย
โสตวิญญาณ...มิใช่หรือ
ดังนี้ จริงอยู่เขากล่าวซึ่งเหตุสักว่าการแผ่ออก
ไปแห่งวิตกเท่านั้น ว่าเป็นเสียง แต่เสียงนั้นบุคคลไม่พึงรู้ได้ด้วยโสต
วิญญาณ แต่ปรวาทีกล่าวว่า เสียงนั้นพึงรู้ได้ด้วยโสตวิญญาณนั่นแหละ
เพราะพระบาลีว่า บุคคลฟังเสียงอันแผ่ออกไปแห่งวิตกแล้ว เขาย่อม
ทายใจ คือย่อมรู้ถึงใจของผู้อื่นได้ ดังนี้.
อรรถกถาวิตักกวิปผารสัททกถา จบ