เมนู

อันตราภวกถา



[1198] สกวาที อันตราภพ1 มีอยู่หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. เป็นกามภพ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อันตราภพมีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นรูปภพหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อันตราภพมีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นอรูปภพหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1199] ส. อันตราภพมีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพมีอยู่ในระหว่างกามภพและรูปภพหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อันตราภพมีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพมีอยู่ในระหว่างรูปภพและอรูปภพหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1200] ส. อันตราภพไม่มีอยู่ในระหว่างกามภพและรูปภพหรือ ?

1. ภพในระหว่าง.

ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อันตราภพไม่มีอยู่ในระหว่างกามภพและ
รูปภพ ก็ต้องไม่กล่าวว่า อันตราภพมีอยู่.
ป. อันตราภพไม่มีอยู่ในระหว่างรูปภพกับอรูปภพหรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า อันตราภพไม่มีอยู่ในระหว่างรูปภพกับอรูปภพ
ก็ต้องไม่กล่าวว่า อันตราภพมีอยู่.
[1201] ส. อันตราภพมีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพนั้น เป็นกำเนิดที่ 5 เป็นคติที่ 6 เป็น
วิญญาณฐิติที่ 8 เป็นสัตตาวาสที่ 10 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อันตราภพมีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพ เป็นภพ เป็นคติ เป็นสัตตาวาส เป็นสงสาร
เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. กรรมอันยังสัตว์ให้เข้าถึงอันตราภพมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สัตว์ผู้เข้าถึงอันตราภพมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สัตว์ทั้งหลาย เกิดอยู่ แก่อยู่ ตายอยู่ จุติอยู่ ใน

อันตราภพหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีในอันตราภพ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อันตราภพเป็นปัญจโวการภพหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1202] ส. กามภพมีอยู่ กามภพ เป็นภพ เป็นคติ เป็นสัตตาวาส
เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพมีอยู่ อันตราภพ เป็นภพ เป็นคติ เป็น
สัตตาวาส เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. กรรมอันยังสัตว์ให้เข้าถึงกามภพมีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กรรมอันยังสัตว์ให้เข้าถึงอันตราภพมีอยู่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สัตว์ผู้เข้าถึงกามภพมีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัตว์ผู้เข้าถึงอันตราภพมีอยู่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

ส. สัตว์ทั้งหลาย เกิดอยู่ แก่อยู่ ตายอยู่ จุติอยู่ อุบัติอยู่
ในกามภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัตว์ทั้งหลาย เกิดอยู่ แก่อยู่ ตายอยู่ จุติอยู่ อุบัติอยู่
ในอันตราภพ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีอยู่ในกามภพ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีอยู่ในอันตราภพ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. กามภพ เป็นปัญจโวการภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพ เป็นปัญจโวการภพ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1203] ส. รูปภพมีอยู่ รูปภพ เป็นภพ เป็นคติ เป็นสัตตาวาส
เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพมีอยู่ อันตราภพ เป็นภพ เป็นคติ เป็น
สัตตาวาส เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพ
หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. กรรมอันยังสัตว์ให้เข้าถึงรูปภพ มีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กรรมอันยังสัตว์ให้เข้าถึงอันตราภพมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สัตว์ผู้เข้าถึงรูปภพมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัตว์ผู้เข้าถึงอันตราภพ มีอยู่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สัตว์ทั้งหลาย เกิดอยู่ แก่อยู่ ตายอยู่ จุติอยู่ อุบัติอยู่
อยู่ ในรูปภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัตว์ทั้งหลาย เกิดอยู่ แก่อยู่ ตายอยู่ จุติอยู่ อุบัติอยู่
ในอันตราภพ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีอยู่ในรูปภพ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีอยู่ในอันตราภพ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รูปภพเป็นปัญจโวการภพ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพเป็นปัญจโวการภพ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1204] ส. อรูปภพ มีอยู่ อรูปภพ เป็นภพ เป็นคติ เป็นสัตตาวาส
เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพ มีอยู่ อันตราภพ เป็นภพ เป็นคติ เป็น
สัตตาวาส เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. กรรมอันยังสัตว์ให้เข้าถึงอรูปภพ มีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กรรมอันยังสัตว์ให้เข้าถึงอันตราภพ มีอยู่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สัตว์ผู้เข้าถึงอรูปภพ มีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัตว์ผู้เข้าถึงอันตราภพ มีอยู่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สัตว์ทั้งหลาย เกิดอยู่ แก่อยู่ ตายอยู่ จุติอยู่ อุบัติ
อยู่ ในอรูปภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัตว์ทั้งหลาย เกิดอยู่ แก่อยู่ ตายอยู่ จุติอยู่ อุบัติ

อยู่ ในอันตราภพ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีอยู่ในอรูปภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีอยู่ในอันตราภพ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อรูปภพเป็นจตุโวการภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพเป็นจตุโวการภพ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1205] ส. อันตราภพมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพมีอยู่สำหรับสัตว์ทั้งปวงทีเดียว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อันตราภพไม่มีอยู่สำหรับสัตว์ทั้งปวงทีเดียว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อันตราภพไม่มีอยู่สำหรับสัตว์ทั้งปวงทีเดียว
ก็ต้องไม่กล่าวว่า อันตราภพมีอยู่
[1206] ส. อันตราภพมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพมีอยู่สำหรับบุคคลผู้กระทำอนันตริยกรรม

หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อันตราภพไม่มีอยู่สำหรับบุคคลผู้ทำอนันตริยกรรม
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อันตราภพไม่มีอยู่สำหรับบุคคลผู้ทำอนันตริย
กรรม ก็ต้องไม่กล่าวว่า อันตราภพมีอยู่.
[1207] ส. อันตราภพมีอยู่สำหรับบุคคลผู้ไม่ทำอนันตริยกรรม
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพมีอยู่สำหรับบุคคลผู้ทำอนันตริยกรรม
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อันตราภพไม่มีอยู่สำหรับบุคคลผู้ไม่ทำอนันตริยกรรม
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพไม่มีอยู่สำหรับบุคคลผู้ไม่ทำอนันตริยกรรม
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อันตราภพมีอยู่สำหรับบุคคลเข้าถึงนรก ฯลฯ สำหรับ
บุคคลผู้เข้าถึงอสัญญสัตว์ ฯลฯ สำหรับบุคคลผู้เข้าถึงอรูปภพ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

ส. อันตราภพไม่มีอยู่สำหรับบุคคลผู้เข้าถึงอรูปภพ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อันตราภพไม่มีอยู่สำหรับบุคคลผู้เข้าถึง
อรูปภพ ก็ต้องไม่กล่าวว่า อันตราภพมีอยู่.
[1208] ส. อันตราภพมีอยู่สำหรับบุคคลผู้ไม่เข้าถึงอรูปภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพมีอยู่สำหรับบุคคลผู้เข้าถึงอรูปภพหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อันตราภพไม่มีอยู่สำหรับบุคคลผู้เข้าถึงอรูปภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อันตราภพไม่มีอยู่สำหรับบุคคลผู้ไม่เข้าถึงอรูปภพ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1209] ป. ไม่พึงกล่าวว่า อันตราภพมีอยู่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. บุคคลผู้อันตราปรินิพพายี มีอยู่ มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า บุคคลผู้อันตราปรินิพพายีมีอยู่ ด้วยเหตุนั้น
นะท่านจึงต้องกล่าวว่า อันตราภพมีอยู่
ส. อันตราภพ ชื่อว่ามีอยู่ เพราะทำอธิบายว่า บุคคลผู้
อันตราปรินิพพายีมีอยู่หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะทำอธิบายว่า บุคคลผู้อุปหัจจปรินิพพายีมีอยู่
อุปหัจจภพ ก็ชื่อว่ามีอยู่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อันตราภพ ชื่อว่ามีอยู่ เพราะทำอธิบายว่า บุคคล
ผู้อันตราปรินิพพายีมีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะทำอธิบายว่า บุคคลผู้อสังขารปรินิพพายีมีอยู่
ฯลฯ บุคคลผู้สสังขารปรินิพพายีมีอยู่ สสังขารภพก็ชื่อว่ามีอยู่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
อันตราภวกถา จบ

อรรถกถา อันตรา ภวกถา



ว่าด้วย อันตราภพ



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องอันตราภพ คือ ภพที่คั่นในระหว่าง. ในเรื่องนั้น
ชนเหล่าใด มีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายปุพพเสลิยะ และสมิติยะทั้งหลาย
ว่า สัตว์ หมายถึงผู้จะปฏิสนธิ ผู้ไม่มีทิพพจักขุย่อมเป็นผู้ราวกะมี
ทิพพจักขุ ผู้ไม่มีฤทธิ์ย่อมเป็นผู้ราวกะผู้มีฤทธิ์เล็งแลดูอยู่ซึ่งการอยู่ร่วม
ของบิดามารดา และการมีระดู เขาดำรงอยู่ประมาณ 7 วัน หรือเกิน
กว่านั้นในที่ใด ที่นั้น ชื่อว่า อันตราภพ เพราะถือเอาบทพระสูตรว่า
บุคคลชื่อว่าอันตราปรินิพพายี คือ ผู้ปรินิพพานในระหว่างอายุยังไม่ทัน