เมนู

อรรถกถาอนาคตญาณกถา


ว่าด้วยความรู้ในอนาคต


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องความรู้ในอนาคต. ในปัญหานั้น ขณะอัน
เป็นอันตระก็ดี หมายเอาขณะจิต เป็นอนันตระก็ดี ชื่อว่า อนาคต.
ในขณะทั้ง 2 เหล่านั้น ญาณย่อมรู้อนาคตที่เป็นอนันตระมีอยู่อย่าง
เดียวเท่านั้น อนึ่งญาณอนาคตที่เป็นอนันตระมีอยู่โยประการใด แม้
ญาณที่หยั่งลงในชวนะหนึ่งของวิถีหนึ่งก็มีอยู่โดยประการนั้น. ในปัญหา
นั้น ชนเหล่าใด ย่อมปรารถนาญาณในอนาคตแม้ทั้งปวง ดุจลัทธิของ
นิกายอันธกะทั้งหลาย คำถามของสกวาทีหมายชนเหล่านั้น คำตอบ
รับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีเพื่อท้วงด้วยคำว่า ญาณ
ในอนาคตอันไม่มีอยู่ตามลัทธิของท่าน. บุคคลย่อมรู้อนาคตที่เกิดใน
ภายหลังแต่นั้นได้ด้วยสามารถแห่งมูลเป็นต้นหรือดังนี้จึงกล่าวกะปรวาที
นั้นว่า อนาคตรู้ได้โดยมูล เป็นต้น. บรรดาคำเหล่านั้น คำทั้ง
ปวงว่า โดยมูล เป็นต้น คือ โดยมูล โดยเหตุ โดยนิทาน
โดยสมภพ โดยประภพ โดยสมุฏฐาน โดยอาหาร โดยอารมณ์ โดย
ปัจจัย และโดยสมุทัย นี้เป็นคำไวพจน์ของคำว่า การณะ คือ การณะ
แปลว่า เครื่องกระทำ หรือ เหตุ ทั้งสิ้น. จริงอยู่ การณะ ชื่อว่า
มูล เพราะอรรถว่า ย่อมทำธรรมใดให้เป็นผลของตน ธรรมที่เป็น
ผลนั้นในที่นั้นจึงอาศัยตั้งอยู่ได้. ชื่อว่า เหตุ เพราะอรรถว่า ให้ผล
ธรรมนั้นเจริญและเป็นไปทั่ว. ชื่อว่า นิทาน เพราะอรรถว่า เป็นแดน
มอบให้ซึ่งผลธรรมนั้น ๆ นั่นแหละ ราวกะการมอบให้อยู่ด้วยคำว่า

เชิญเถิดท่านทั้งหลาย จึงถือเอาสิ่งนี้ ดังนี้. ชื่อว่า สมภพ เพราะ
อรรถว่า ย่อมให้ผลธรรมเก่พร้อมแต่เหตุนั้น. ชื่อว่า ประภพ เพราะ
อรรถว่า เป็นแดนเกิดก่อน. ชื่อว่า สมุฏฐาน เพราะอรรถว่า ผลธรรม
นั้นย่อมตั้งขึ้นพร้อมในเพราะธรรมอันเป็นเหตุนั้น อีกอย่างหนึ่ง เพราะ
อรรถว่า ย่อมยังผลธรรมนั้น ๆ ให้ตั้งขึ้นพร้อม. ชื่อว่า อาหาร เพราะ
อรรถว่า ย่อมนำมาซึ่งผลธรรมนั้น ๆ นั่นแหละ. ก็เหตุนั้น ชื่อว่า
อารมณ์ เพราะอรรถว่า ไม่สละซึ่งผลธรรมนั้น. ชื่อว่า ปัจจัย เพราะ
อรรถว่า ผลธรรมนั้นอาศัยธรรมอันเป็นเหตุเป็นไป. สภาวะใด ย่อม
ยังผลธรรมนั้นให้เกิดขึ้นแต่เหตุ เพราะเหตุนั้นสภาวะนั้น ท่านจึงเรียก
ว่า สมุทัย ที่ชื่อว่า สมุทัย เพราะอรรถว่า ยังผลธรรมให้เกิดขึ้น
จากเหตุ. ก็ใคร ๆ ไม่อาจเพื่อรู้อนันตรจิตได้ด้วยอาการเหล่านี้ คือเหตุ
เหล่านี้ เหตุใด เพราะเหตุนั้น ปรวาทีจึงตอบปฏิเสธว่า ไม่พึงกล่าว
อย่างนั้น. คำว่า รู้ความเป็นเหตุปัจจัยที่เป็นอนาคตได้ ความว่า
เมือจิ อันเป็นอนาคตที่จะเกิดติดต่อกันไป บุคคลย่อมรู้ซึ่งจิตนั้น เพราะ
ความเป็นเหตุปัจจัย อธิบายว่า ธรรมเหล่าใดมีเหตุปัจจัยในธรรมเหล่า
นั้น ย่อมรู้ซึ่งธรรมเหล่านั้น. แม้ในบทที่เหลือทั้งหลายก็นัยนี้นั่นแหละ.
คำว่า โคตรภูบุคคล เป็นต้น สกวาทีกล่าวแล้วเพื่อแสดงญาณ
ที่เกิดขึ้นในอนาคตนั้นโดยย่อ. พระสูตรว่า ปาฏลีบุตร ที่ปรวาที
นำมาก็เพื่อแสดงญาณที่เกิดขึ้นในอนาคตนั้น แต่พระสูตรนั้นไม่สำเร็จ
ประโยชน์แก่ญาณในอนาคตทั้งปวง เหตุใด เพราะเหตุนั้น พระสูตร
นั้นจึงสักแต่ว่านำมาเท่านั้น ด้วยประการฉะนี้แล.
อรรถกถาอนาคตญาณกถา จบ

ปัจจุปปันนญาณกถา


[1073] สกวาที ความรู้ในปัจจุบันคือสภาวะที่เกิดขึ้นเฉพาะ
หน้า มีอยู่หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. บุคคลรู้ความรู้นั้นได้ด้วยความรู้นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลรู้ความรู้นั้นได้ด้วยความรู้นั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลรู้ความรู้นั้นว่าความรู้ ด้วยความรู้นั้น
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลรู้ความรู้นั้นว่าความรู้ ได้ด้วยความรู้นั้น
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความรู้นั้น เป็นอารมณ์แห่งความรู้นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ความรู้นั้น เป็นอารมณ์แห่งความรู้นั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลถูกต้องผัสสะนั้นได้ด้วยผัสสะนั้น เสวย
เวทนานั้นได้ด้วยเวทนานั้น จำสัญญานั้นได้ด้วยสัญญานั้น ตั้งเจตนา