เมนู

ลักขณกถา


[956] สกวาที ผู้ประกอบด้วยลักษณะเป็นพระโพธิสัตว์
หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะบางส่วน เป็นพระโพธิ-
สัตว์ บางส่วน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[957] ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะเป็นพระโพธิสัตว์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะ 1 ใน 3 ส่วน เป็น
พระโพธิสัตว์ 1 ใน 3 ส่วน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[958] ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะเป็นพระโพธิสัตว์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะกึ่งหนึ่ง เป็นพระโพธิ-
สัตว์กึ่งหนึ่ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[959] ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะเป็นพระโพธิสัตว์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. จักกวัตตสัตว์เป็นผู้ประกอบด้วยลักษณะ จักก-
วัตติสัตว์ก็เป็นพระโพธิสัตว์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[960] ส. จักกวัตติสัตว์เป็นผู้ประกอบด้วยลักษณะ จักก-
วัตติสัตว์ก็เป็นพระโพธิสัตว์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุรพประโยค บุรพจริยา การกล่าวธรรม การ
แสดงธรรมของพระโพธิสัตว์ เป็นเช่นใด บุรพประโยค บุรพจริยา
การกล่าวธรรม การแสดงธรรม ของพระเจ้าจักรพรรดิ ก็เป็นเช่นนั้น
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[961] ส. เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติ พวกเทวดารับก่อน
พวกมนุษย์รับภายหลัง ฉันใด เมื่อจักกวัตติสัตว์ประสูติ พวกเทวดา
รับก่อน พวกมนุษย์รับภายหลัง ฉันนั้นเหมือนกัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[962] ส. เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติ เทวบุตร 4 องค์รับ
แล้ววางไว้เบื้องหน้าพระมารดา ทูลว่า ข้าแต่พระเทวี ทรงดีพระทัย
เถิด พระโอรสผู้มีศักดิ์ใหญ่ของพระองค์บังเกิดแล้วฉันใด เมื่อจักกวัตติ-
สัตว์ประสูติ เทพบุตร 4 องค์รับแล้ววางไว้เบื้องหน้าพระมารดา ทูลว่า

ข้าแต่พระเทวี ทรงดีพระทัยเถิด พระโอรสผู้มีศักดิ์ใหญ่ของพระองค์
บังเกิดแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[963] ส. เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติ ธารน้ำทั้ง 2 คือ
ธารน้ำเย็น 1 ธารน้ำร้อน 1 ปรากฏจากอากาศ สำหรับเป็นน้ำสรง
ของพระโพธิสัตว์และพระมารดา ฉันใด เมื่อจักกวัตติประสูติ ธารน้ำ
ทั้ง 2 คือ ธารน้ำเย็น 1 ธารน้ำร้อน 1 ก็ปรากฏจากอากาศ สำหรับ
เป็นน้ำสรงของจักกวัตติสัตว์และพระมารดา ฉันนั้นเหมือนกัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[964] ส. พระโพธิสัตว์พอประสูติแล้วเดี๋ยวนั้น ก็ทรงยืน
ได้ด้วยพระบาททั้ง 2 อันเสมอกัน ผันพระพักตร์ทางทิศอุดร ทรงดำ-
เนินได้ 7 ก้าว มีพระกรดขาวกั้นตามไป ทรงแลดูทิศทั้งปวง และทรง
เปล่งอาสภิวาจาว่า เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เราเป็นผู้ใหญ่แห่งโลก
เราเป็นผู้ประเสริฐสุดแห่งโลก ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้ ภพใหม่
เป็นไม่มีอีกละ
ดังนี้ ฉันใด จักกวัตติสัตว์พอประสูติแล้วเดี๋ยวนั้น
ก็ยินได้ด้วยพระบาททั้ง 2 อันเสมอ ผันพระพักตร์ไปทางทิศอุดร ทรง
ดำเนินไปได้ 7 ก้าว มีพระกรดขาวกั้นตามไป ทรงแลดูทิศทั้งปวง
และทรงเปล่งอาสภิวาจาว่า เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เราเป็นผู้ใหญ่
แห่งโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดแห่งโลก ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้
ภพใหม่เป็นไม่มีละ
ฉันนั้นเหมือนกัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[965] ส. เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติ ย่อมปรากฏแสงสว่าง
ใหญ่ โอภาสใหญ่ แผ่นดินไหวใหญ่ ฉันใด เมื่อจักกวัตติสัตว์ประสูติ
ก็ย่อมปรากฏแสงสว่างใหญ่ โอภาสใหญ่ แผ่นดินไหวใหญ่ ฉันนั้น
เหมือนกัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[966] ส. พระกายตามปกติของพระโพธิสัตว์ ฉายพระ-
รัศมีออกไปวา 1 โดยรอบ ฉันใด พระกายตามปกติของจักกวัตติสัตว์
ก็ฉายพระรัศมีออกไปวา 1 โดยรอบ ฉันนั้นเหมือนกัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[967] ส. พระโพธิสัตว์ ทรงเห็นมหาสุบิน ฉันใด จักก-
วัตตสัตว์ ก็ทรงเห็นมหาสุบิน ฉันนั้นเหมือน
กัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[968] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ผู้ประกอบด้วยลักษณะ เป็น
พระโพธิสัตว์ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย มหาปุริสลักษณะของพระมหาบุรุษ 32 ประการนี้ ที่
พระมหาบุรุษผู้ประกอบมีคติเป็น 2 เท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น คือ

ถ้าครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม เป็นธรรม
ราชา ทรงพิชิตตลอดปฐพี มีมหาสมุทรทั้ง 4 เป็นที่สุด ทรง
เจนจบรัฐประศาสโนบายเป็นเหตุมั่นคงแห่งชนบท ทรงประกอบ
ด้วยรัตนะ 7 ประการ เพราะรัตนะ 7 ประการนี้ ย่อมบังเกิดแก่
ท้าวเธอ คือจักกรัตนะ ได้แก่จักรแก้ว หัตถิรัตนะ ได้แก่ช้าง
แก้ว อัสสรัตนะ ได้แก่ม้าแก้ว มณีรัตนะ ได้แก่ดวงมณีแก้ว
อิตถีรัตนะ ได้แก่นางแก้ว คหปติรัตนะ ได้แก่ขุนคลังแก้ว
ปริณายกรัตนะ ได้แก่ขุนพลแก้ว เป็นที่ 7 และท้าวเธอมีพระ-
ราชบุตรจำนวนพันปลาย ล้วนแกล้วกล้าองอาจ สามารถย่ำยี
กองทัพฝ่ายปรปักษ์ ทรงพิชิตยิ่งแล้ว ครอบครองแผ่นดินนี้ อัน
มีสาครเป็นขอบเขต โดยธรรม โดยไม่ต้องใช้อาญา โดยไม่
ต้องใช้ศัสตรา แต่ถ้าออกจากเรือนบวชเป็นอนาคาริยะ จะเป็น
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้นี้หลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วใน
โลก
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น ผู้ประกอบด้วยลักษณะ ก็เป็น
พระโพธิสัตว์น่ะสิ.
ลักขณกถา จบ
1. ที. ปา. 11/130

อรรถกถาลักขณกถา


ว่าด้วยลักษณะ


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องลักษณะ. ในปัญหานั้น ชนเหล่าใด มี
ความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายอุตตราปถกะทั้งหลายในขณะนี้ว่า พระ-
โพธิสัตว์เท่านั้น ถึงพร้อมแล้วด้วยลักษณะ เพราะไม่พิจารณาถือเอา
พระสูตรนี้ว่า มีคติเป็น 2 เท่านั้น คือ.- ถ้าครองเรือนจะได้เป็น
พระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม ฯลฯ แต่ถ้าออกจากเรือนบวชเป็นอนา-
คาริยะ จะตรัสรู้เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมมีแก่พระมหา-
บุรุษผู้ประกอบด้วยลักษณะดังนี้ ปัญหาของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น
คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. ในปัญหาทั้งหลายว่า จักภวัตติสัตว์
ความว่า สัตว์ผู้จักรพรรดิ ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ก็ดี ผู้มิใช่โพธิสัตว์ก็ดี
มีอยู่ เหตุใด เพราะเหตุนั้น ปรวาทีหมายเอาจักรพรรดิผู้มิใช่พระ-
โพธิสัตว์จึงตอบปฏิเสธ. ย่อมตอบรับรอง เพราะหมายเอาพระเจ้าจักร-
พรรดิผู้เป็นพระโพธิสัตว์. พระสูตรที่ปรวาทีกล่าวแล้วว่า มหาปุริส-
ลักษณะ 32 ประการ
หมายเอาพระโพธิสัตว์ เพราะว่าในภพ
สุดท้ายพระโพธิสัตว์นั้นย่อมเป็นพระพุทธเจ้า ในชนทั้งหลายนอกจาก
นี้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่ไม่เป็นพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น พระ-
สูตรที่ปรวาทีนำมาอ้างแล้ว เช่นกับไม่นำมานั่นแหละ ดังนี้แล.
อรรถกถาลักขณกถา จบ