เมนู

อรรถกถาสุทธิกสังสันทนา


ว่าด้วยการเทียบเคียงสุทธิกะ


บัดนี้ เป็นการเทียบเคียงสัจฉิกัตถะกับรูปเป็นต้น. ในคำเหล่านั้น
คำว่า รูป เป็นคำถามของสกวาที โดยหมายเอาด้วยคำว่า ท่าน
หยั่งเห็นรูปได้โดยปรมัตถะฉันใด แม้บุคคลท่านก็หยั่งเห็นตามลัทธิของ
ท่านฉันนั้นหรือ ดังนี้. คำรับรองถือเอาเพียงคำว่า บุคคลมีอยู่ ดังนี้
เป็นของปรวาที. การซักถามของสกวาทีว่า ถ้าว่าบุคคลมีอยู่จากรูป
ปรมัตถะราวกะรูปตามลัทธิของท่านไซร้ ความเป็นอย่างอื่น คือการเกิด
ดับ แม้เหล่าบุคคลก็ย่อมปรากฏราวกะธรรมทั้งหลายมี เวทนาเป็นต้น
ดังนี้ การปฏิเสธเป็นของปรวาที เพราะเห็นผิดจากพระสูตรที่เป็นลัทธิ.
คำที่เหลือปรากฏชัดแล้วโดยอรรถนั้นเทียว ก็ในที่นี้เมื่อว่าโดยธรรม
ท่านแสดงอนุโลมปัญจกะ 57 ประเภท ในอนุโลมปัญจกะที่เป็นมูลใน
ฝ่ายสกวาที ด้วยสามารถแห่งสัจฉิกัตถปรมัตถะ 57 ประเภท ฯ หมวด 4
แห่งปฏิกัมมะท่านย่อไว้. และท่านแสดงปฏิโลมปัญจกะ 57 ประเภท
ในอนุโลมแห่งปัจจนิกแม้อันเป็นมูลฝ่ายปรวาทีอีก. หมวด 4 แห่ง
ปฏิกัมมะ เป็นต้น ท่านย่อไว้. คำซักถามของปรวาทีว่า พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าตรัสแล้ว เป็นต้นเพื่อแสดงถึงความที่บุคคลเป็นของมีอยู่ ด้วยคำ
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้แล้วด้วย ซึ่งความที่รูปเป็นสภาวะที่หยั่ง
เห็นได้ด้วยสามารถแห่งสัจฉิกัตถะและปรมัตถะด้วย แล้วจึงให้สกวาที
รับรองซึ่งความเป็นอย่างอื่น คนละอย่าง แห่งธรรมทั้ง 2. คำปฏิเสธ

เป็นของสกวาที เพราะความที่ปัญหาอันมีอรรถอย่างเดียวกัน และมี
อรรถต่างกันแห่งสมมติสัจจะและปรมัตถสัจจะทั้งหลายควรงดตอบ. คำ
ที่เหลือแม้ในที่นี้ก็ปรากฏชัดเจนแล้วโดยอรรถทั้งนั้น ดังนี้แล.
อรรถกถาสุทธิกสังสันทนา จบ

โอปัมมสังสันทนา


[26] ส. ท่านหยั่งเห็นรูปโดยสัจฉิกัตถปรมัตถะ ดุจหยั่งเห็น
เวทนาโดยสัจฉิกัตถปรมัตถะ รูปเป็นอื่น เวทนาก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถะ ดุจหยั่ง
เห็นรูปโดยสัจฉิกัตถปรมัตถะ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
ส. ท่านจงรับรู้นิคคหะ, หากว่าท่านหยั่งเห็นรูปโดย
สัจฉิกัตถปรมัตถะ ดุจหยั่งเห็นเวทนาโดยสัจฉิกัตถปรมัตถะ รูปเป็นอื่น
เวทนาก็เป็นอื่น ( อย่างเดียว ) ท่านหยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถะ
ดุจหยั่งเห็นรูปโดยสัจฉิกัตถปรมัตถะด้วยเหตุนั้นนะท่าน จึงต้องกล่าวว่า
รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า
ข้าพเจ้าหยั่งเห็นรูปโดยสัจฉิกัตถปรมัตถะ ดุจหยั่งเห็นเวทนาโดยสัจฉิ-
กัตถปรมัตถะ รูปเป็นอื่น เวทนาก็เป็นอื่น ข้าพเจ้าหยั่งเห็นบุคคลโดย
สัจฉิกัตถปรมัตถะ ดุจหยั่งเห็นรูปโดยสัจฉิกัตถปรมัตถะ แต่ไม่พึงกล่าวว่า
รูปเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า รูปเป็น
อื่น บุคคลก็เป็นอื่น ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าหยั่งเห็นรูปโดยสัจฉิ-
กัตถปรมัตถะดุจหยั่งเห็นเวทนาโดยสัจฉิกัตถปรมัตถะรูปเป็นอื่น เวทนา