เมนู

อรรถกถาสมันนาคตกถา

1

ว่าด้วยผู้ประกอบ


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องผู้ประกอบ. ในเรื่องนั้น การประกอบมี
2 อย่าง. คือ.- การประกอบในความเป็นผู้พร้อมเพรียงกันในขณะ
แห่งปัจจุบัน 1. การประกอบคือการได้เฉพาะโดยบรรลุภูมิใดภูมิหนึ่ง
มีรูปาวจรเป็นต้น 1. การประกอบคือการบรรลุภูมิใดภูมิหนึ่งนั้นยังไม่
เสื่อมจากคุณวิเศษที่ตนบรรลุแล้วเพียงใด ก็ชื่อว่า เป็นผู้ได้คุณวิเศษ
อยู่เพียงนั้นนั่นแหละ.
อนึ่ง ชนเหล่าใดมีความเห็นผิด ดุจลัทธิของนิกายอุตตราปถกะ
ทั้งหลายในขณะนี้ว่า ยกเว้นการประกอบ 2 อย่างนี้แล้ว ชื่อว่าการ
ประกอบอย่างอื่นอันหนึ่งมีอยู่ด้วยสามารถแห่งปัตติธรรม คือ ธรรมที่
บรรลุ ดังนี้ เพื่อให้ชนเหล่านั้นเข้าใจตามว่า ชื่อว่าปัตติธรรม
คือธรรมเป็นเครื่องบรรลุของพระอรหันต์ อะไร ๆ มีอยู่ ปัตติธรรม
อะไร ๆ ไม่มีอยู่ จึงถามว่า พระอรหันต์ประกอบด้วยผล 4 หรือ
คำตอบรับรองหมายเอาการบรรลุผลเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาที
จึงเริ่มคำเป็นต้นว่า พระอรหันต์ประกอบด้วยผัสสะ 42 หรือ
เพื่อท้วงว่า ถ้าพระอรหันต์ประกอบด้วยผลทั้ง 4 ดุจถึงพร้อมด้วยนาม
ขันธ์ 4 ไซร้ ครั้นเมื่อความเป็นอย่างนั้นมีอยู่ ธรรมทั้งหลายเหล่าใด
1. คำว่า "สมนฺนาคตกถา" แปลว่า เรื่องผู้ประกอบ หรือ เรื่องผู้ถึงพร้อมแล้ว
2. คำว่า ผัสสะ 4 คือ ผัสสะเจตสิกที่เกิดกับโสดาปัตติผลจิต สกทาคามิผลจิต
อนาคามิผลจิต และ อรหัตตผลจิต.

อย่างละ 4 ในผลทั้ง 4 เป็นต้น ธรรมเหล่านั้นก็ย่อมถึงพร้อมแก่
พระอรหันต์เพราะการประกอบแล้วด้วยธรรมอย่างละ 4 นั้น ดังนี้.
คำทั้งปวงนั้น ปรวาทีตอบปฏิเสธแล้วเพราะความไม่มีผัสสะ เป็นต้น
อย่างละ 4 ในขณะเดียวกัน. แม้ในปัญหาว่าด้วย พระอนาคามี ก็
นัยนี้เหมือนกัน. คำว่า พระอรหันต์เลยโสดาปัตติผลไปแล้ว
มิใช่หรือ
อธิบายว่า ก็สกวาทีย่อมถามว่า พระอรหันต์เลย เพราะ
การไม่เกิดขึ้นอีกไม่เหมือนทุติยฌานลาภีบุคคลผู้ผ่านเลยปฐมฌานไป
แล้ว. คำว่า โสดาปัตติมรรค เป็นต้นที่สกวาทีปรารภแล้ว ก็เพื่อ
แสดงถึงความไม่เกิดขึ้นอีกของมรรคนั้น เพราะปฏิบัติผ่านเลยไปแล้ว.
ในปัญหาว่า ไม่เสื่อมจากผล 4 นั้น ความว่า ธรรม
คือโลกียฌานทั้งหลายย่อมเสื่อมด้วยธรรมอันเป็นข้าศึก ฉันใด โลกุตตร-
ธรรมจะเป็นฉันนั้นก็หาไม่. จริงอยู่กิเลสเหล่าใดที่มรรคละอยู่ กิเลส
เหล่านั้นย่อมสงบระงับไปด้วยผล ทั้งกิเลสเหล่านั้นท่านก็ละแล้ว เป็น
ธรรมชาติสงบระงับไปแล้ว เหตุใดเพราะเหตุนั้น สกวาทีจึงตอบรับรอง
ว่า ใช่. เนื้อความนี้นั้นแหละ ท่านอธิบายไว้แล้วในคำทั้งหลายข้างหน้า
ซึ่งมีคำว่า พระอรหันต์ได้มรรค 4 แล้ว และไม่เสื่อมจากมรรค 4
นั้น
เป็นต้น. คำที่เหลือมีเนื้อความง่ายทั้งนั้น แล.
อรรถกถาสมันนาคตกถา จบ

อุเบกขาสมันนาคตกถา


[933] สกวาที พระอรหันต์ประกอบด้วยอุเบกขา 6 หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ประกอบด้วยผัสสะ 6 ด้วยเวทนา 6
ด้วยสัญญา 6 ฯ ล ฯ ด้วยปัญญา 6 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[934] ส. พระอรหันต์ประกอบด้วยอุเบกขา 6 หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์เห็นรูปด้วยจักษุอยู่ ยังฟังเสียง
ด้วยโสตได้ ยังสูดกลิ่นด้วยฆานะได้ ยังลิ้มรสด้วยชิวหาได้ ยังถูกต้อง
โผฏฐัพพะด้วยกายได้ยังรู้ธรรมารมณ์ด้วยใจได้ ฯ ล ฯ รู้ธรรมารมณ์ด้วย
ใจอยู่ ยังเห็นรูปด้วยจักษุได้ ยังฟังเสียงด้วยโสตได้ ยังสูดกลิ่นด้วย
ฆานะได้ ยังลิ้มรสด้วยชิวหาได้ ยังถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[935] ส. พระอรหันต์ประกอบด้วยอุเบกขา 6 หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ประกอบ ตั้งมั่นด้วยอุเบกขา 6 อุเบกขา 6
ปรากฏเนือง ๆ สม่ำเสมอ ไม่ระคนกัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ