เมนู

อนาสวกถา


[890] สกวาที ธรรมทั้งปวงของพระอรหันต์ ไม่เป็นอา-
รมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. เป็นมรรค เป็นผล เป็นนิพพาน เป็นโสดา-
ปัตติมรรค เป็นโสดาปัตติผล เป็นสกทาคามิมรรค เป็นสกทาคามิผล
เป็นอนาคามิมรรค เป็นอนาคามิผล เป็นอรหัตมรรค เป็นอรหัตผล
เป็นสติปัฏฐาน เป็นสัมมัปปธาน เป็นอิทธิบาท เป็นอินทรีย์ เป็น
พละ เป็นโพชฌงค์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[891] ส. ธรรมทั้งปวงของพระอรหันต์ ไม่เป็นอารมณ์
ของอาสวะ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักษุของพระอรหันต์ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. จักษุของพระอรหันต์ ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. เป็นมรรค เป็นผล เป็นนิพพาน เป็นโสดา-
ปัตติมรรค เป็นโสดาปัตติผล ฯ ล ฯ เป็นโพช-
ฌงค์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โสตะของพระอรหันต์ ฯ ล ฯ ฆานะของพระ-
อรหันต์ ฯ ล ฯ ชิวหาของพระอรหันต์ ฯ ล ฯ กายของพระอรหันต์ ไม่
เป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[892] ส. กายของพระอรหันต์ ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นมรรค เป็นผล เป็นนิพพาน เป็นโสดา-
ปัตติมรรค เป็นโสดาปัตติผล ฯ ล ฯ เป็นโพชฌงค์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[893] ส. กายของพระอรหันต์ ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กายของพระอรหันต์ ยังเข้าถึงการยกย่องและ
การข่มขี่ ยังเข้าถึงการตัดและการทำลาย ยังทั่วไปแก่ฝูงกา ฝูงแร้ง
ฝูงเหยี่ยว หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. ธรรมอันไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ ยังเข้าถึง
การยกย่องและการข่มขี่ ยังเข้าถึงการตัดและการทำลาย ยังทั่วไปแก่
ฝูงกา ฝูงแร้ง ฝูงเหยี่ยว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[894] ส. พิษพึงเข้าไป ศัสตราพึงเข้าไป ไฟพึงเข้าไป ใน
กายของพระอรหันต์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พิษพึงเข้าไป ศัสตราพึงเข้าไป ไฟพึงเข้าไป
ในธรรมอันไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[895] ส. กายของพระอรหันต์ ยังจะจองจำ ด้วยเครื่อง
จองจำคือขื่อ ด้วยเครื่องจองจำคือเชือก ด้วยเครื่องจองจำคือตรวน ด้วย
เครื่องจองจำคือบ้าน ด้วยเครื่องจองจำคือนิคม ด้วยเครื่องจองจำคือ
เมือง ด้วยเครื่องจองจำคือชนบท ด้วยเครื่องจองจำ 5 ประการ ได้
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ธรรมอันไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ ยังจะจองจำ
ด้วยเครื่องจองจำคือขื่อ ด้วยเครื่องจองจำคือเชือก ด้วยเครื่องจองจำ
คือตรวน ด้วยเครื่องจองจำคือบ้าน ด้วยเครื่องจองจำคือนิคม ด้วย

เครื่องจองจำคือเมือง ด้วยเครื่องจองจำคือชนบท ด้วยเครื่องจองจำ 5
ประการ ได้หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[896] ส. ผิวา พระอรหันต์ให้จีวรแก่ปุถุชน จีวรนั้นเป็น
อารมณ์ของอาสวะแล้วเป็นอารมณ์ของอาสวะ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. จีวรนั้นไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะแล้วเป็นอารมณ์
ของอาสวะ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ของที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะอันนั้น ของที่
เป็นอารมณ์ของอาสวะก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ของที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะอันนั้น ของที่
เป็นอารมณ์ของอาสวะก็นั้นแหละ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มรรคไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ แล้วเป็นอารมณ์
ของอาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ผล สติปัฏฐาน สัมมัปปธาน อิทธิบาท อินทรีย์

พละ โพชฌงค์ ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะแล้ว
เป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[897] ส. ผิว่า พระอรหันต์ ให้บิณฑบาต ให้เสนาสนะ
ให้คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร แก่ปุถุชน คิลานปัจจยเภสัชชบริขารนั้น
ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะแล้วเป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. คิลานปัจจยเภสัชชบริขารนั้น ไม่เป็นอารมณ์
ของอาสวะแล้วเป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ของที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะอันนั้น ของเป็น
อารมณ์ที่ของอาสวะก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ของที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะอันนั้น ของที่
เป็นอารมณ์ของอาสวะก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มรรคไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ แล้วเป็นอารมณ์
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ผล สติปัฏฐาน สัมมัปปธาน อิทธิบาท อินทรีย์

พละ โพชฌงค์ ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะแล้ว เป็นอารมณ์ของอาสวะ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[898] ส. ผิว่า ปุถุชน ถวายจีวรแก่พระอรหันต์ จีวร
นั้นเป็นอารมณ์ของอาสวะ แล้วไม่เป็นอารมณ์
ของอาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[899] ส. จีวรนั้น เป็นอารมณ์ของอาสวะ แล้วไม่เป็น
อารมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ของที่เป็นอารมณ์ของอาสวะอันนั้น ของที่ไม่
เป็นอารมณ์ของอาสวะก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ของที่เป็นอารมณ์ของอาสวะอันนั้น ของที่ไม่
เป็นอารมณ์ของอาสวะก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ราคะเป็นอารมณ์ของอาสวะแล้ว ไม่เป็นอารมณ์
ของอาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. โทสะ โมหะ ฯลฯ อโนตตัปปะ เป็นอารมณ์

ของอาสวะแล้วไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[900] ส. ผิว่า ปุถุชน ถวายบิณฑบาต ถวายเสนาสนะ
ถวายคิลานปัจจยเภสัชชบริขารแก่พระอรหันต์ คิลานปัจจยเภสัชชบริ-
ขารนั้น เป็นอารมณ์ของอาสวะ แล้วไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[900] ส. ผิว่า ปุถุชน ถวายบิณฑบาต ถวายเสนาสนะ
ถวายคิลานปัจจยเภสัชชบริขารแก่พระอรหันต์ คิลานปัจจยเภสัชชบริ-
ขารนั้น เป็นอารมณ์ของอาสวะ แล้วไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[901] ส. คิลานปัจจยเภสัชชบริขารนั้น เป็นอารมณ์ของ
อาสวะ แล้วเป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ของที่เป็นอารมณ์ของอาสวะอันนั้น ของที่ไม่
เป็นอารมณ์ของอาสวะก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ของที่เป็นอารมณ์ของอาสวะอันนั้น ของที่ไม่
เป็นอารมณ์ของอาสวะก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. ราคะเป็นอารมณ์ของอาสวะ แล้วไม่เป็นอารมณ์
ของอาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. โทสะ ฯ ล ฯ โมหะ ฯลฯ อโนตตัปปะ เป็น
อารมณ์ของอาสวะแล้ว ไม่เป็นอารมณ์ของ
อาสวะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[902] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ธรรมทั้งปวงของพระอรหันต์ ไม่
เป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระอรหันต์เป็นผู้ไม่มีอาสวะ มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า พระอรหันต์เป็นผู้ไม่มีอาสวะ ด้วย
เหตุนั้นนะท่าน จึงต้องกล่าวว่า ธรรมทั้งปวงของพระอรหันต์ ไม่เป็น
อารมณ์ของอาสวะ ดังนี้.
อนาสวกถา จบ

อรรถกถาอนาสวกถา


ว่าด้วยอนาสวะ


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องอนาสวะ คือ ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ 1.
ในเรื่องนั้นชนเหล่าใด มีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายอุตตราปถกะ
ทั้งหลาย ในขณะนี้ว่า ธรรมเหล่าใด ของพระอรหันต์ผู้ไม่มีอาสวะ
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ ดังนี้ สกวาทีหมายถึงชน
เหล่านั้น จึงถามว่า ธรรมทั้งปวงของพระอรหันต์ เป็นต้น คำตอบ
รับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาที เพื่อท้วงว่า ธรรมทั้งหลาย
มีมรรคเป็นต้น ชื่อว่าไม่มีอาสวะ มีอยู่ ธรรมเหล่านั้นเท่านั้น ย่อม
เกิดแก่พระอรหันต์หรือ ? จึงเริ่มคำว่า ธรรมทั้งปวงเป็นมรรค เป็น
ผล เป็นต้น. ถูกสกวาทีถามว่า จักขุของพระอรหันต์ไม่เป็น
อารมณ์ของอาสวะหรือ
ปรวาทีตอบปฏิเสธ เพราะความที่จักษุนั้น
เป็นอารมณ์ของอาสวะ. ถูกถามครั้งที่ 2 ปรวาทีตอบรับรองว่า จักขุ
ของพระอรหันต์ไม่เป็นอาสวะแต่เป็นอารมณ์ของอาสวะ.
ในปัญหาว่าด้วย การให้จีวร ปรวาทีตอบปฏิเสธ เพราะกลัวผิด
จากลักษณะแห่งปัญหานี้ว่า ธรรมอย่างหนึ่งเที่ยวไม่เป็นอาสวะ แต่
1. คำว่า "อาสวะ" คือ กิเลสเป็นเครื่องมักดองอยู่ในสันดานของสัตว์
มี 4 คือ 1. กามาสวะ 2. ภวาสวะ 3. ทิฏฐาสวะ 4. อวิชชาสวะ.
คำว่า "ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ" ได้แก่ โลกุตตรจิต 8 เจตสิก 36
นิพพาน.