เมนู

อุปปัตติกถา


[873 ] สกวาที เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการผุดเกิดได้
หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. เป็นพระโสดาบันพร้อมกับการผุดเกิดก็ได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[874] ส. เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการผุดเกิดได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นพระสกทาคามีพร้อมกับการผุดก็เกิดได้หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[875] ส. เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการผุดเกิดได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นพระอนาคามีพร้อมกับการผุดเกิดก็ได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[876] ส. เป็นพระโสดาบันพร้อมกับการผุดเกิดไม่ได้
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เป็นพระโสดาบันพร้อมกับการผุดเกิด
ไม่ได้ ก็ต้องไม่กล่าวว่า เป็นพระอรหันต์พร้อม
กับการผุดเกิดได้

[877] ส. เป็นพระสกทาคามีพร้อมกับการผุดเกิดไม่ได้
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เป็นพระสกทาคามีพร้อมกับการผุดเกิด
ไม่ได้ ก็ต้องไม่กล่าวว่า เป็นพระอรหันต์พร้อม
กับการผุดเกิดได้.
[878] ส. เป็นพระอนาคามีพร้อมกับการผุดเกิดไม่ได้
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เป็นพระอนาคามีพร้อมกับการผุดเกิด
ไม่ได้ ก็ต้องไม่กล่าวว่า เป็นพระอรหันต์พร้อม
กับการผุดเกิดได้
[879] ส. เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการผุดเกิดได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระสารีบุตรเถระ เป็นพระอรหันต์พร้อมกับ
การผุดเกิด หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. พระโมคคัลลานเถระ ฯลฯ พระมหากัสสป-
เถระ ฯ ล ฯ พระมหากัจจายนเถระ ฯ ล ฯ พระมหาโกฏฐิตเถระ ฯ ล ฯ
พระมหาปัณฐกเถระ เป็นพระอรหันต์ พร้อมกับการผุดเกิด หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[880] ส. พระสารีบุตรเถระ มิได้เป็นพระอรหันต์พร้อม
กับการผุดเกิด หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า พระสารีบุตรเถระ มิได้เป็นพระอรหันต์
พร้อมกับการผุดเกิด ก็ต้องไม่กล่าวว่า เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการ
ผุดเกิดได้
[881] ส. พระมหาโมคคัคลานเถระ ฯ ล ฯ พระมหา-
กัสสปเถระ พระมหากัจจายนเถระ พระมหา-
โกฏฐิตเถระ ฯ ล ฯ
[882] ส. พระมหาปัณฐกเถระ มิได้เป็นพระอรหันต์
พร้อมกับการผุดเกิด หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า พระมหาปัณฐกเถระ มิได้เป็น
พระอรหันต์พร้อมกับผุดเกิด ก็ต้องไม่กล่าวว่า เป็นพระอรหันต์พร้อม
กับการผุดเกิดได้.
[883] ส. เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการผุดเกิดได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทำให้แจ้งซึ่งพระอรหัตได้ด้วยจิตดวงแสวงหาการ
ผุดเกิด1 อันเป็นโลกิยะ มีอาสวะ ฯ ล ฯ ประกอบด้วยสังกิเลส หรือ ?
1. คำบาลีว่า อุปปตฺเตสิเยน จิตฺเตน, นี้หมายถึง ปฏิสนธิจิต

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[884] ส. เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการผุดเกิดได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จิตดวงแสวงหาการผุดเกิด เป็นเหตุนำออกจาก
สังขารวัฏให้ถึงความสิ้นไป ให้ถึงความตรัสรู้ ให้ถึงนิพพาน ไม่เป็น
อารมณ์ของอาสวะ ฯ ล ฯ ไม่เป็นอารมณ์ของสังกิเลส หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[885] ส. จิตดวงแสวงหากการผุดเกิด ไม่เป็นเหตุนำออก
จากสังสารวัฏไม่เป็นธรรมให้ถึงความสิ้นไป ไม่เป็นธรรมให้ถึงความ
ตรัสรู้ ไม่เป็นธรรมให้ถึงนิพพาน เป็นอารมณ์ของอาสวะ ฯ ล ฯ เป็น
อารมณ์ของสังกิเลส มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า จิตดวงแสวงหาการผุดเกิด ไม่เป็นเหตุ
นำออกจากสังสารวัฏ ไม่เป็นธรรมให้ถึงความสิ้นไป ไม่เป็นธรรมให้
ถึงความตรัสรู้ ไม่เป็นธรรมให้ถึงนิพพาน เป็นอารมณ์ของอาสวะ ฯลฯ
เป็นอารมณ์ของสังกิเลส ก็ต้องไม่กล่าวว่า เป็นพระอรหันต์พร้อมกับ
การผุดเกิดได้.
[886] ส. เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการผุดเกิดได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ละราคะได้ ละโทสะได้ ละโมหะได้ ฯ ล ฯ
ละอโนตตัปปะได้ด้วยจิตดวงแสวงหาการผุดเกิด หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[887] ส. เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการผุดเกิดได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จิตดวงแสวงหาการผุดเกิด เป็นมรรค ฯ ล ฯ
เป็นสติปัฏฐาน เป็นสัมมัปปธาน เป็นอิทธิบาท เป็นอินทรีย์ เป็น
พละ ฯลฯ เป็นโพชณงค์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[888] ส. เป็นพระอรหันต์พร้อมการผุดเกิดได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กำหนดรู้ทุกข์ ละสมุทัย ทำให้แจ้งนิโรธ
ยังมรรคให้เกิดได้ด้วยจิตดวงแสวงหาการผุดเกิด
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[889] ส. เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการผุดเกิดได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จุติจิตเป็นมรรคจิต จิตดวงแสวงหาการผุดเกิด
เป็นผลจิต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
อุปปัตติกถา จบ

อรรถกถาอุปปัตติกถา


ว่าด้วยการผุดเกิด


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องการเกิด. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใด มีความ
เห็นผิดว่า พระอนาคามี อุบัติในสุทธาวาส ย่อมเป็นพระอรหันต์พร้อม
กับการอุบัติ เพราะถือเอาพระบาลีทั้งหลาย โดยไม่พิจารณาซึ่งมีคำว่า
เป็นอุปปาติกกำเนิด คือเกิดผุดขึ้นในเทวโลกนั้น ปรินิพพาน
แล้วในเทวโลกนั้น
ดังนี้เป็นต้น หรือว่า ชนเหล่าใดผู้ศึกษา
พระพุทธพจน์อยู่ มีความเห็นว่า พระอนาคามีเป็นพระอรหันต์
พร้อมกับการอุบัติขึ้น ดังนี้ เพราะเปลี่ยนแปลงบทว่า อุปหัจจปรินิพ-
พายี ซึ่งเป็นชื่อของพระอนาคามีจำพวกหนึ่งใน 48 จำพวก พระอนา-
คามีชื่อว่า อุปหัจจปรินิพพายี นี้ ท่านมีอายุก้าวล่วงกึ่งหนึ่งแห่งอายุ
ล่วงไปแล้ว อันเป็นเวลาใกล้จะปรินิพพาน ท่านก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์
แล้วจึงปรินิพพาน พวกเห็นผิดเหล่านั้น ได้เปลี่ยนชื่อจาก คำว่า
อุปหัจจปรินิพพายี มาเป็น อุปปัชชปรินิพพายี ซึ่งมีความหมายว่า
พอเกิดขึ้นก็ปรินิพพาน ดังนี้ ดุจลัทธิของนิกายอุตตราปถกะทั้งหลาย
ในขณะนี้ คำถามของสกวาที หมายชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็น
ของปรวาที. ในปัญหานั้น ชื่อว่า จิตต์ที่เกิดขึ้นย่อมเป็นโลกียจิต
ทั้งบุคคลทั้งหลาย เป็นพระโสดาบันเป็นต้นด้วยโลกียจิตต์นั้น ก็ไม่มีเลย
จะป่วยกล่าวไปใยถึงความเป็นพระอรหันต์เล่า เพราะเหตุนั้น เพื่อแสดง
นัยนี้แก่ปรวาทีนั้น สกวาทีจึงเริ่มคำเป็นต้นว่า เป็นพระโสดาบัน