เมนู

เนวสัญญานาสัญญายตนกถา


[852] สกวาที ไม่พึงกล่าวว่าสัญญามีอยู่ในเนวสัญญานา-
สัญญายตนภพ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. เป็นอสัญญภพ เป็นอสัญญคติ เป็นอสัญสัตตา-
วาส เป็นอสัญญาสงสาร เป็นอสัญญโยนิ เป็นอสัญญัตตภาวปฏิลาภ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[853] ส. เป็นสัญญภพ สัญญคติ สัญญสัตตาวา สัญญ-
สงสาร สัญญโยนิ สัญญัตตภาวปฏิลาภ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เป็นสัญญภพ เป็นสัญญคติ ฯลฯ เป็น
สัญญัตตภาวปฏิลาภ ก็ต้องไม่กล่าวว่า ไม่พึงกล่าวว่าสัญญามีอยู่ในเนว-
สัญญานาสัญญายตนภพ.
[854] ส. ไม่พึงกล่าวว่าสัญญามีอยู่ในเนวสัญญานาสัญญา.
ยตนภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นเอกโวการภพ คติ ฯลฯ อัตตภาวปฏิลาภ
หรือ
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

ส. เป็นจตุโวการภพ1 เป็นจตุโวการคติ ฯลฯ อัตต-
ภาวปฏิลาภ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เป็นจตุโวการภพ คติ ฯล ฯ อัตตภาว
ปฏิลาภ ก็ต้องไม่กล่าวว่าไม่พึงกล่าวว่าสัญญามีอยู่ในเนวสัญญานาสัญญา-
ยตนภพ.
[855] ป. ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย
และนั้นเป็นสัญญภพ เป็นอสัญญคติ เป็นอสัญญสัตตาวาส เป็นอสัญญ-
สงสาร เป็นอสัญญโยนิ เป็นอสัญญัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในเนวสัญญานา
สัญญายตนภพ และนั้นก็เป็นอสัญญภพ เป็นสัญญคติ เป็นอสัญญ-
สัตตาวาส เป็นอสัญญสงสาร เป็นอสัญญโยนิ เป็นอสัญญัตตภาวปฏิ-
ลาภ หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ป. ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในอสัญญีสัตว์ทั้งหลาย
และนั้นเป็นเอกโวการภพ คติ ฯ ล ฯ อัตตภาว
ปฏิลาภ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
1. ภพมีขันธ์ 4 คือ อรูปขันธ์ 4 ได้แก่บุคคล

ป. ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในเนวสัญญานาสัญญา-
ยตนภพ และนั้นก็เป็นเอกโวการภพ คือ คติ สัตตาวาส สงสาร โยนิ
อัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[856] ส. ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในเนวสัญญานา
สัญญายตนภพ และนั้นเป็นสัญญภพ สัญญคติ ฯลฯ สัญญัตตภาวา
ปฏิลาภ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในอสัญญีสัตว์ทั้งหลาย
และนั้นเป็นสัญญภพ สัญญคติ ฯลฯ สูญญัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[857] ส. ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในเนวสัญญานา-
สัญญายตนภพ และนั้นเป็นจตุโวการภพ คติ
ฯลฯ อัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย
และนั้นเป็นจตุโวการภพ ฯลฯ อัตตภาวปฏิลาภ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

[858] ส. ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในเนวสัญญานา
สัญญายตนภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เนวสัญญานาสัญญายตนภพ เป็นจตุโวการภพ
มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เนวสัญญานาสัญญายตนภพเป็นจตุโว-
การภพก็ต้องไม่กล่าวว่าไม่พึงกล่าว่าสัญญามีอยู่ในเนวสัญญานาสัญญา-
ยตนภพ.
[859] ส. เนวสัญญาสัญญายตนภพ เป็นจตุโวการ-
ภพ แต่ไม่พึงกล่าวสัญญามีอยู่ในเนวสัญญานา-
สัญญายตนภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อากาสานัญจายตนภพ เป็นจตุโวการภพ แต่
ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในอากาสานัญจายตน-
ภพ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[860] ส. เนวสัญญานาสัญญายตนภพ เป็นจตุโวการภพ
แต่ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในเนวสัญญานา
สัญญายตนภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. วิญญาณัญจายตนภพ ฯลฯ อากิญจัญญายตนภพ
เป็นจตุโวการภพ แต่ไม่พึงกล่าวว่าสัญญามีอยู่ในอากิญจัญญายตนภพ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[861] ส. อากาสานัญจายตนภพเป็นจตุโวการภพ สัญญามี
อยู่ในภพนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เนวสัญญานาสัญญายตนภพเป็นจตุโวการภพ
สัญญามีอยู่ในภพนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯล ฯ
ส. วิญญาณัญจายตนภพ ฯลฯ อากิญจัญญายตนภพ
เป็นจตุโวการภพ สัญญามีอยู่ในภพนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เนวสัญญานาสัญญายตนภพเป็นจตุโวการภพ
สัญญามีอยู่ในภพนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[862] ส. ไม่พึงกล่าวว่าสัญญามีอยู่ หรือว่าไม่มีอยู่ ใน
เนวสัญญานาสัญญายตนภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เนวสัญญานาสัญญายตนภพ เป็นจตุโวการภพ
มิใช่หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เนวสัญญานาสัญญายตนภพเป็นจตุโว-
การภพ ก็ต้องไม่กล่าวว่า ไม่พึงกล่าวว่าสัญญามีอยู่ หรือว่า ไม่มีอยู่ใน
เนวสัญญานาสัญญายตนภพ.
[863] ส. เนวสัญญานาสัญญายตนภพเป็นจตุโวการภพแต่
ไม่พึงกล่าวว่าสัญญามีอยู่ หรือว่าไม่มีอยู่ ในเนวสัญญานาสัญญายตนภพ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อากาสานัญจายตนภพ ฯลฯ วิญญาณัญจายตน-
ภพ ฯลฯ อากิญจัญญายตนภพ เป็นจตุโวการภพ แต่ไม่พึงกล่าวว่าสัญญา
มีอยู่ หรือว่าไม่มีอยู่ ในอากิญจัญญายตนภพ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[864] ส. อากาสานัญจายตนภพเป็นจตุโวการภพ สัญญา
มีอยู่ในภพนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เนวสัญญานาสัญญายตนภพ เป็นจตุโวการภพ
สัญญามีอยู่ในภพนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. วิญญาณัญจายตนภพ ฯลฯ อากิญจัญญายตนภพ
เป็นจตุโวการภพ สัญญามีอยู่ในภพนั้น หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. เนวสัญญานาสัญญายตนภพ เป็นจตุโวการภพมี
อยู่ในภพนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[865] ป. ไม่พึงกล่าวว่า1 ในเนวสัญญานาสัญญายตนภพ
หาควรกล่าวไม่ว่า มีสัญญาหรือว่าไม่มีสัญญา หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. เป็นเนวสัญญานาสัญญายตนภพ มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่าเป็นเนวสัญญานาสัญญายตนภพ ด้วย
เหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า ในเนวสัญญานาสัญญายตนภพ หาควร
กล่าวไม่ว่า มีสัญญาหรือว่าไม่มีสัญญา.
[866] ส. เพราะทำอธิบายว่า เป็นเนวสัญญานาสัญญาย-
ตนภพ จึงหาควรกล่าวไม่ว่า สัญญามีอยู่หรือว่าไม่มีอยู่ ในเนวสัญญา-
นาสัญญายตนภพ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะทำอธิบายว่า เป็นอทุกขมสุขเวทนาจึง
หาควรกล่าวไม่ว่าเวทนา หรือว่ามิใช่เวทนา
1. คำนี้เติมเข้ามาในเวลาแปล เพื่อให้รับกับกระบวนความต่อไป และเมื่อเทียง
กับอสัญญากถาก็เห็นว่า บาลีตรงนี้ควรเป็น "นวตฺตพฺพํ เนวสญฺญานาสญฺญา-
ยตเน..."

ในอทุกขมสุขเวทนา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
เนวสัญญานาสัญญายตนกถา จบ

อรรถกถาเนวสัญญานาสัญญายตนกถา


ว่าด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนะ


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องเนวสัญญานาสัญญายตนะ คือ อายตนะที่มี
สัญญาก็ไม่ใช่ไม่มีก็ไม่ใช่. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจ
ลัทธิของนิกายอันธกะทั้งหลายในขณะนี้ว่า ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่
ในภพนั้น เพราะพระบาลีว่า อายตนะนั้น มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มี
ก็ไม่ใช่
ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็น
ของปรวาที. คำที่เหลือในที่นี้ พึงทราบโดยนัยแห่งพระบาลีนั่นแล.
อรรถกถาเนวสัญญานาสัญญายตนกถา จบ

รวมกถาที่มีในวรรคนี้คือ


1. พลกถา 2. อริยนฺติกถา 3. วิมุจจติกถา 4. วิมุจจ-
มานกถา 5. อัฏฐมกกถา 6. อัฏฐมกัสสอินทริยกถา 7. ทิพพจักขุกถา
8. ทิพพโสตกถา 9. ยถากัมมูปคตญาณกถา 10. สังวรกถา
11. อสัญญกถา 12. เนวสัญญานาสัญญายตนกถา.
วรรคที่ 3 จบ